"มาเรียนวันแรกก็คิดจะหาแฟนใหม่เลย??" "ก็ในเมื่อแฟนเก่ามันเหี้ยมันเลวก็ต้องหาใหม่ป่ะ" "แม่งคำก็เหี้ยสองคำก็เหี้ยแต่เหี้ยอย่างฉันก็เคยเป็นผัวเธอไหมวะ" "ก็แค่ผัวเก่าของเก่าๆจะแคร์ทำไม"
"มาเรียนวันแรกก็คิดจะหาแฟนใหม่เลย??" "ก็ในเมื่อแฟนเก่ามันเหี้ยมันเลวก็ต้องหาใหม่ป่ะ" "แม่งคำก็เหี้ยสองคำก็เหี้ยแต่เหี้ยอย่างฉันก็เคยเป็นผัวเธอไหมวะ" "ก็แค่ผัวเก่าของเก่าๆจะแคร์ทำไม"
เอวา....
ตอนนี้ฉันอยู่บนรถไฟฉันเดินทางจากเชียงใหม่เพื่อมาเซอไพรส์วันเกิดของเซเดย์หรือเซย์แฟนของฉันค่ะที่ฉันต้องนั่งรถไฟมาเนื่องจากว่าเซย์เขาเรียนอยู่กรุงเทพ เราไม่ได้เจอกันมาหลายเดือนแล้วค่ะอยากจะบอกว่าฉันคิดถึงเขามากถึงมากที่สุดแม้ว่าเราจะคุยกันเกือบจะทุกวันแต่ฉันก็คิดถึงเขาอยู่ดี และที่ฉันมาหาเขาเขาไม่รู้นะคะฉันไม่ได้บอกฉันอยากให้เขาดีใจ ส่วนปีหน้าฉันก็จะเข้ามาเรียนกับเขาที่กรุงเทพตามที่เราได้สัญญากันเอาไว้ก่อนที่เขาจะมาเรียนที่กรุงเทพ เราสองคนพูดกันถึงเรื่องอนาคตว่าถ้าเราสองคนเรียนจบเราก็จะแต่งงานกันมีลูกน่ารักสักสองคน แค่คิดฉันก็มีความสุขแล้วค่ะเพราะเขาคือความสุขเดียวของฉัน ฉันกับเซย์เราสองคนอายุสิบแปดปีเท่ากันนะคะแต่เขาเกิดต้นปีส่วนฉันเกิดปลายปีทำให้เขาเรียนเร็วกว่าฉันไปปีนึง เซย์น่ะเขาชอบบังคับให้ฉันเรียกเขาว่าพี่แต่ฉันไม่เรียกเพราะเราอายุเท่ากันถึงแม้เขาจะแก่เดือนก็ตามเราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะเรียนด้วยกันตั้งแต่อนุบาลจนถึงมอปลายเราขยับสถานะจากเพื่อนมาเป็นแฟนตอนอยู่มอปลาย เซย์คือรักแรกคือแฟนคนแรกและเป็นคนแรกของฉันค่ะเราเป็นคนแรกของกันและกันในวันเกิดปีที่แล้วของเขาเรามีความสัมพันธ์กันแล้วและเขาบอกว่าเขาจะรับผิดชอบทุกอย่างเพราะเราเป็นแฟนกัน ตอนนี้เซย์เรียนอยู่ปีหนึ่งส่วนฉันเรียนอยู่มอหกอีกไม่กี่เดือนฉันก็จะเรียนจบแล้วค่ะถึงตอนนั้นฉันก็จะย้ายมาเรียนมาอยู่กับเขาเราจะได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างที่เคยฝันเอาไว้
ตอนนี้ฉันยืนอยู่หน้าคอนโดของเซย์ที่มันทั้งใหญ่โตหรูหราและราคาคงจะแพงมากๆซึ่งก็ไม่แปลกที่เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้เนื่องจากว่าครอบครัวของเขาฐานะไม่ได้ธรรมดาเลยขึ้นชื่อว่าร่ำรวยที่สุดในจังหวัด ครอบครัวของเซย์ทำไร่ส้มค่ะมีเนื้อที่หลายร้อยหลายพันไร่ส่งออกปีๆนึงหลายร้อยหลานพันล้านบาท ที่ฉันรู้เพราะคุณป้าแม่ของเซย์ท่านเคยพูดให้ฉันฟังว่าต่อไปในอนาคตถ้าฉันกับเซย์แต่งงานกันฉันกับเซย์ต้องมาดูแลกิจการไร่ส้มพวกนี้แทนพวกท่านซึ่งฉันก็รับปากกับคุณป้าว่าฉันจะทำมันให้ดีที่สุด คุณป้ากับคุณลุงน่ะท่านรักและเอ็นดูฉันมากๆมากกว่าพ่อแม่แท้ๆของฉันอีกค่ะเพราะอะไรที่ทำให้ฉันพูดแบบนี้ไว้ฉันจะล่าให้ฟังทีหลังนะคะเพราะตอนนี้คนที่ฉันอยากเจอมากที่สุดก็คือแฟนของฉัน
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่นี่ ฉันขอที่อยู่จากคุณลุงคุณป้าพ่อกับแม่ของเซย์และบอกกับท่านว่าฉันอยากมาเซอร์ไพรส์วันเกิดเซเดย์โดยที่ไม่ให้เขารู้ซึ่งท่านทั้งสองก็รับปากว่าจะไม่บอกให้เซย์รู้ว่าฉันจะมาหาเขาที่นี่
ฉันกดลิฟต์เพื่อไปยังชั้นที่เขาอยู่ ฉันเอามือแตะหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองเมื่อรับรู้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจตัวเองที่ตอนนี้มันเต้นแรงมากฉันบอกใจตัวเองว่าอย่าตื่นเต้นมากจนเกินไป แต่ฉันก็ไม่ได้มาตัวเปล่าหรอกนะเพราะในกระเป๋าสะพายของฉันมีของขวัญที่ฉันทำเองกับมือฉันเอามือจับกล่องของขวัญในกระเป๋าแล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข ของขวัญที่ฉันทำด้วยความตั้งใจมันกรอบรูปที่ฉันทำเองส่วนในกรอบรูปก็มีภาพวาดของเขาที่ฉันวาดเองเหมือนกัน คือฉันชอบวาดรูปน่ะ
และตอนนี้ฉันก็ยืนอยู่หน้าห้องของเซเดย์ ฉันตัดสินใจกดออดที่อยู่ตรงข้างประตูด้วยมือที่สั่นไม่หยุด ตอนนี้มือของฉันมั้นชื้นไปด้วยเหงื่อฉันพยายามบีบมือตัวเองให้มันเลิกสั่นแต่ก็ไม่ได้ผล
แกร๊ก แอร๊ดดดด เสียงประตูถูกเปิดออกพร้อมกับเสียงของผู้ชายคนนึงที่ฉันไม่รู้จัก
"ใครมาแต่เช้าวะ" ผู้ชายคนนี้อยู่ในสภาพหัวยุ่งเหมือนเพิ่งตื่นนอนเขาอยู่ในชุดนักศึกษาที่มีภาพไม่เรียบร้อยสักเท่าไหร่ ถ้าให้ฉันเดาเขาคงเป็นเพื่อนของเซเดย์ เขาก็มองหน้าฉันแล้วทำหน้าสงสัย
"เอ่อ ฉันมาหาเซย์น่ะ"
"มาหาไอ้เซย์??"
"ค่ะ ฉันเป็นแฟนของเซย์"
"แฟน??" ผู้ชายคนนี้ทำหน้างงและสงสัยหนักกว่าเดิมเมื่อฉันบอกว่าฉันเป็นแฟนของเซย์
"ค่ะฉันเป็นแฟนเขาแล้วตอนนี้เซย์อยู่หรือเปล่าคะหรือว่ายังไม่ตื่น"
"เอ่อ....คือ..เอ่อ" เพื่อนของเขาทำอึกอักไม่ตอบ
"มีอะไรหรือเปล่าคะ"
"คือว่า..."
"ถ้าเข้ายังไม่ตื่นฉันขอเข้าไปหาเขาในห้องนะคะ ขอทางหน่อยค่ะ" ฉันถือวิสาสะเดินเข้าประตูมาเพราะถึงยังไงห้องนี้ก็เป็นห้องของแฟนฉันฉันย่อมมีสิทธิ์ที่จะเข้ามา
พอเข้ามาในห้องฉันก็ถึงกับอึ้งกับสภาพของห้องและสภาพของคนอีกหลายคนที่นอนเกลื่อนพร้อมกองขวดเหล้าขวดเบียร์ก่อนจะไปสะดุดตากับก้อนเค้กที่วางอยู่ ทำให้ฉันหายสงสัยว่าทำไมห้องถึงมีสภาพเป็นแบบนี้เมื่อคืนพวกเขาน่าจะจัดวานวันเกิด
"เอ่อฉันว่าเธอกลับไปก่อนดีไหมไอ้เซย์มันคงยังไม่ตื่นง่ายๆหรอก ไว้ตอนเย็นค่อยมาหามันใหม่" ผู้ชายคนเดิมเดินมาบอกฉัน แล้วฉันจะไปอยู่ที่ไหนรอเซย์ล่ะในเมื่อฉันไม่รู้จักใครเลยสักคน
"ฉันเพิ่งมาจากเชียงใหม่ไม่รู้จะไปรอเขาที่ไหน"
"เธอไปนั่งรอข้างล่างก็ได้นะนั่งรอตรงล็อบบี้ก็ได้"
"แล้วทำไมฉันต้องไปนั่งรอข้างล่างในเมื่อห้องนี้มันคือห้องของแฟนฉัน ฉันขอเหตุผลของนายหน่อยว่าทำไมฉันต้องทำตามที่นายบอก" ฉันพูดอย่างไม่พอใจเพราะเหมือนเพื่อนของเซย์จะพยายามไล่ฉันเหมือนเขาไม่อยากให้ฉันอยู่ในห้อง
"เพราะว่า......" แต่ไม่ทันที่เพื่อนของเซย์จะบอกเหตุผลประตูห้องๆนึงก็เปิดออกพร้อมผู้ชายคนนึงผู้ชายที่ฉันคิดถึงเขามาตลอดหลายเดือนที่ไม่ได้เจอกัน
"เซย์^^" พอเขาเปิดประตูออกมาฉันรีบวิ่งไปหาเขาทันที
"เอวา?? เธอมาได้ไง" เซย์ถามฉันด้วยน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจ หรือฉันคิดมากไปเอง
"ก็จะมาเซอร์ไพรส์เซย์ไง^^" ฉันบอกพร้อมกับยิ้มให้เขาอย่างดีใจที่ได้เจอหน้า แต่ในเพียงเสี้ยววินาทีความดีใจของฉันก็หายไปเมื่อเห็นผู้หญิงคนนึงเดินออกมาจากห้องที่เขาเพิ่งเดินออกมา
"ใครมาคะเซย์"
แจ้งก่อนอ่าน.....เรื่องนี้มีคำหยาบคายและมีการกระทำที่รุนแรงในบางEPเพราะฉะนั้นใครโลกสวยหรือไม่ชอบนิยายแนวนี้โปรดเลื่อนผ่านXX เขาเอื้อมมือไปที่หัวเตียงแล้วหยิบซองสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ฉันคุ้นตาออกมาเพราะฉันเคยเก็บเศษซากของมันมาก่อน มันคือถุงยางอนามัย "คุณธามคะ อย่า!!!" ฉันกำลังจะบอกกับเขาว่าอย่าทำเพราะฉันรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรแต่เขากลับเข้าใจไปอีกอย่าง "ทำไม หรืออยากเอาสดกับกู อย่าหวังเลยว่ากูจะยอมสดกับคนอย่างมึง" สวบ!!!! ปึ่ก!!!!! "ไม่ กรี๊ดดดดดดด" ฉันกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อเขาสอดใส่ท่อนเอ็นเข้าไปจนสุดทางฉันเจ็บแปลบไปทั้งร่างกาย จนน้ำตาไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด "เชี่ย!!! มึง ไม่เคยเหรอวะ" คุณธามก้มมองดูจุดเชื่อมต่อแล้วอุทานออกมา
เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่บอมคนดีเพื่อนสนิทอัยวาคุณแม่ของน้องเอิงซึ่งมีคุณพ่ออย่างพี่ภูที่หวงลูกสาวยิ่งกว่าอะไร มาลุ้นความรักต่างวัยของคู่นี้กันนะคะใครชอบแนวโคแก่กินหญ้าอ่อนห้ามพลาดเด็ดขาด ภูผาอัยวาอยู่ในเรื่อง กลลวงร้ายซ่อนรัก นะคะ
"เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนฉันจะไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น" "ค่ะ" ฉันฝืนความรู้สึกแล้วตอบออกไป ฉันไม่คิดว่าพี่ภูจะรับผิดชอบอะไรอยู่แล้วคำพูดของเขาเมื่อคืนฉันยังจำขึ้นใจ "และฉันก็หวังว่าเธอจะไม่เอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปฟ้องแม่ฉันอีกว่าฉันรังแกเธอ" "ค่ะ" "สรุปก็คือเธอห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกใครเด็ดขาดเพราะไม่อย่างนั้นฉันจะเอาเรื่องที่เธอเคยโกหกไปบอกพ่อเธอรวมถึงย่าเธอด้วยว่าเธอโกหกสร้างเรื่องหาว่าฉันล่วงเกินเธอทั้งที่ตอนนั้นฉันไม่ได้ทำ เธอคิดเอาก็แล้วกันว่าย่าเธอจะผิดหวังแค่ไหนที่หลานสาวสุดที่รักของท่านสร้างเรื่องโกหกหน้าด้านๆ เพื่อจับผู้ชาย" ฉันก้มหน้าแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง "เข้าใจที่พูดใช่ไหม" "อื้มมม" ฉันตอบเขาได้แค่นั้นเพราะพูดอะไรไม่ออกกลัวเขาจะรู้ว่าตอนนี้ฉันกำลังร้องไห้อยู่ "แต่ความผิดของเธอยังไม่หมดฉันยังไม่พอใจเพราะฉะนั้นเธอต้องมาที่นี่ทุกครั้งที่ฉันต้องการ แต่ถ้าเธอดื้อไม่ยอมมาฉันจะไปลากตัวเธอถึงบ้านไม่เชื่อก็คอยดู" "พี่ติดใจอัยก็บอกว่าเถอะไม่ต้องเอาเรื่องผิดไม่ผิดมาเป็นข้ออ้างหรอก" ฉันโต้กลับเพราะฉันไม่อยากให้พี่ภูคิดว่าฉันกลัวเขา "เธอพูดว่าไงนะฉันเนี่ยนะติดใจเธอ เหอะพูดผิดพูดใหม่ได้นะ"
"เพลง ฮึก ฮึกเพลง" น้ำเสียงสะอื้นด้วยความเจ็บปวดเมื่อเห็นคนที่ตัวเองรักอยู่ในสภาพนี้ "พะ พี่ไทม์เหรอคะ" มือบางลูบไปที่ใบหน้าของชายหนุ่มอย่างสะเปะสะปะ "พี่เองครับ ฮือออ เพลงพี่ขอโทษพี่ขอโทษพี่มันเหี้ยพี่มันเลวเพลงให้อภัยพี่ได้มั้ย" เขาจับมือคนรักแล้วนำมาแนบแก้มที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา "พี่รู้ได้ยังไงว่าเพลงอยู่ที่นี่" "พี่รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ แต่พี่จะพาเพลงไปรักษาต่างประเทศที่นั่นหมอเก่งมากเพลงต้องหาย"
"เธอชอบเพื่อนฉันเหรอวะ เหอะดูสารรูปตัวเองซะก่อนเหอะยัยอ้วนก่อนจะมาบอกรักใครไอ้คิมมันหล่อขนาดนั้นเธอคิดว่ามันจะมาชอบผู้หญิงที่ทั้งอ้วนทั้งขี้เหร่แบบเธองั้นเหรอห๊ะ อย่างเธอมันไม่มองให้เปลืองลูกกะตาหรอกตัดใจจากมันซะเถอะ" "แต่...ฉันชอบคิมจริงๆนะ" "อย่างเธอถ้าอยากให้ไอ้คิมชอบมันก็พอมีวิธีอยู่นะอยากรู้มั้ยฉันจะบอก" "บอกมาสิ" "ข้อหนึ่งเธอคงต้องไปตายแล้วเกิดใหม่" "ห๊ะนายว่าอะไรนะ!!!" "ฟังฉันยังพูดไม่จบ ฉันยังมีข้อสองให้เธอเลือกนั่นก็คือเธอต้องไปศัลยกรรมให้มันดูดีกว่านี้ไม่แน่ไอ้คิมมันอาจจะหันมาสนใจเธอก็ได้ แต่..ฉันว่าเบ้าหน้าอย่างเธอคงไปไม่รอดทำไปก็แค่นั้นเปลืองเงินเปลืองแรงหมอเปล่าๆ เพราะฉะนั้นเธอตัดใจจากมันซะ" เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของชมจันทร์พยาบาลสาวสวยกับอาร์ตเพื่อนสนิทของคิมหันต์จากเรื่อง ชังรักเมียรับใช้ นะคะ
"ลิล ลิลจำพี่ได้มั้ย" "พี่ พี่เหรอ" "ครับพี่เอง พี่คิมไงสามีของลิล" "สามี สามี" แววตาว่างเปล่าจ้องผมไม่วางตาก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว "ไม่ ไม่ กรี๊ดดดด ไม่ออกไป ฮืออออ ออกไป ฮืออออ"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ซ่งจิ่งถังรักฮั่วอวิ๋นเซินอย่างลึกซึ้งนานถึงสิบห้าปี แต่ในวันที่เธอคลอดลูกกลับตกอยู่ในอาการโคม่า ขณะที่ฮั่วอวิ๋นเซินกระซิบข้างหูเธออย่างอ่อนโยนว่า "ถังถัง อย่าฟื้นขึ้นมาอีกเลย สำหรับฉัน เธอไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว" ซ่งจิ่งถังเคยคิดว่าสามีของเธอเป็นคนอ่อนโยนและรักใคร่ตัวเอง แต่จริงๆ แล้วเขามีแต่ความเกลียดชังและใช้ประโยชน์จากเธอเท่านั้น และลูกๆ ที่เธอเสี่ยงชีวิตให้กำเนิด กลับเรียกหญิงสาวคนอื่นว่า 'แม่' ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนต่อหน้าที่เตียงคนไข้ของเธอ เมื่อซ่งจิ่งถังฟื้นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอทำคือการตัดสินใจหย่าขาดอย่างเด็ดขาด! แต่หลังจากหย่าแล้ว ฮั่วอวิ๋นเซินจึงเริ่มตระหนักว่า ชีวิตที่ผ่านมาของเขาเต็มไปด้วยเงาของซ่งจิ่งถัง หญิงคนนี้กลายเป็นความเคยชินของเขา เมื่อพบกันอีกครั้ง ซ่งจิ่งถังปรากฏตัวในที่ประชุมในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ เธอเปล่งประกายจนทุกคนต้องหันมามอง หญิงคนนี้ที่เคยมีแต่เขาในใจ บัดนี้กลับไม่แม้แต่จะมองเขาอีก ฮั่วอวิ๋นเซินคิดว่าเธอแค่ยังโกรธอยู่ ถ้าเขาเอ่ยปากพูดนิดหน่อย ซ่งจิ่งถังจะต้องกลับไปหาเขาแน่นอน เพราะเธอรักเขาหมดหัวใจ แต่ต่อมา ในงานหมั้นของผู้นำคนใหม่ของตระกูลเพ่ย เขาเห็นซ่งจิ่งถังสวมชุดแต่งงานหรูหรา ยิ้มอย่างเปี่ยมสุขและกอดแน่นเพ่ยตู้พร้อมสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ ฮั่วอวิ๋นเซินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขาตาแดงก่ำและบีบแก้วจนแตก เลือดไหลไม่หยุด...
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
“ก่อนทำเรื่องนี้พี่ขอถามน้องภาสักข้อได้ไหม” ธาวิศพูดแล้วก้าวเท้าเข้าไปหาคนบนเตียง “ได้ค่ะ” นิภาก้มหน้ายามตอบ ธาวิศทิ้งสะโพกลงนั่งด้านข้าง พร้อมกับดันปลายคางของหญิงสาวให้ขึ้นมองหน้าเขา “น้องภาเต็มใจใช่ไหม” แววตาของคนถูกถามสั่นระริกไปมา ปากจิ้มลิ้มก็ขยับขึ้นลงเหมือนคนคิดไม่ออกว่าควรตอบอย่างไร “น้องภาพี่ถามว่าเต็มใจใช่ไหม หรือว่าถูกคุณยายบังคับ” คราวนี้ธาวิศเน้นน้ำหนักเสียงมากขึ้นกว่าเดิม “ภาเต็มใจค่ะ” หญิงสาวตอบเขาแล้ว แต่เป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในตัวเอง “ไม่ได้ถูกบังคับแน่นะ” “ค่ะ ภาไม่ได้ถูกบังคับ ภาเต็มใจค่ะพี่ภูมิ” ธาวิศกัดฟันกรอดในคำตอบที่เขาไม่ปรารถนาจะได้ยิน ออกแรงผลักหน้าอกนิภาจนล้มลงไปนอนอยู่บนเตียง ปลดกระดุมเสื้อนอนของตนเองออกทีละเม็ด โดยที่สายตาก็ยังจดจ้องอยู่กับคนตรงหน้า “ระหว่างเรามันจะไม่มีความผูกพันอะไรกันทั้งนั้น เราทำเรื่องนี้ก็เพื่อคุณยาย เสร็จจากนี้ไปพี่ก็จะกลับกรุงเทพฯ ไปใช้ชีวิตกับคนรักของพี่ตามเดิม ภายังรับได้อยู่ใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดจบก็ทิ้งเสื้อนอนลงบนพื้น คนบนเตียงก็ยังเม้มริมฝีปากตัวเองเอาไว้แน่น คำตอบไม่มาสักทีเขาเลยต้องเลิกคิ้วขึงตาใส่ “ค่ะภารับได้” คำพูดที่เปล่งออกมาช่างเบาหวิว คงไม่ต่างไปจากอารมณ์ของคนพูด “รับได้ก็ดี อย่ามาเรียกร้องอะไรทีหลังก็แล้วกัน ไม่งั้นพี่เอาตายแน่” ธาวิศทาบร่างตัวเองลงบนลำตัวของนิภา มองจุดหมายแรกที่จะเริ่มต้นทำรัก ประทับจูบลงบนริมฝีปากนุ่มนิ่มของหญิงสาว สัมผัสแรกของทั้งคู่ช่างตราตรึงในความรู้สึก จากที่จะจูบเพียงแผ่วเบากลายเป็นแทรกลึกดูดดื่มขึ้นตามอารมณ์ (รักซ้ำรอย)
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY