พ่อกับแม่ต้องไปทำงานไกลถึงต่างประเทศเกือบสัปดาห์ จึงได้ฝากฝัง 'นิชา' ลูกสาวสุดที่รักไว้กับ 'สมยศ' เพื่อนสนิทที่ 'เคย' เอ็นดูนิชาในเหมือนลูกหลานแท้ ๆ ส่วนสถานะใหม่ที่เขากำลังจะมอบให้เธอ ก็คือ...
พ่อกับแม่ต้องไปทำงานไกลถึงต่างประเทศเกือบสัปดาห์ จึงได้ฝากฝัง 'นิชา' ลูกสาวสุดที่รักไว้กับ 'สมยศ' เพื่อนสนิทที่ 'เคย' เอ็นดูนิชาในเหมือนลูกหลานแท้ ๆ ส่วนสถานะใหม่ที่เขากำลังจะมอบให้เธอ ก็คือ...
“น้องแนนจำทางได้ใช่ไหมลูก พ่อกับแม่ไม่ได้ไปด้วยเป็นห่วงหนูจัง”
“โธ่ แม่คะ แนนไปบ้านคุณลุงตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วนะแค่นี้จิ๊บ ๆ ค่ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบมารดาขณะที่สายตายังคงโฟกัสกับการขับรถบนถนนใหญ่
“จิ๊บ ๆ ก็จิ๊บ ๆ พ่อกับแม่ฝากคิดถึงคุณลุงด้วยนะลูก”
“ค่ะแม่ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะเดี๋ยวถึงแล้วแนนจะโทรบอก” พูดจบเธอก็วางสายโทรศัพท์เพื่อที่จะมีสมาธิกับการขับรถได้เต็มที่
รถคันสวยมุ่งหน้าไปยังบ้านของลุงยศคนที่เป็นทั้งเพื่อนและเจ้านายที่ทำงานของคุณพ่ออย่างคุ้นเคยถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาสักพักตั้งแต่เธอเข้ามหาวิทยาลัย แต่ด้วยเพราะเป็นเส้นทางที่เธอขับผ่านบ่อย ๆ เลยทำให้จำได้อัตโนมัติว่าต้องขับไปยังไง
วันนี้ที่เธอต้องไปบ้านลุงยศเนื่องจากคุณพ่อกับคุณแม่ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศถึงสามวันพวกท่านจึงกลัวว่าเธอที่ต้องอยู่บ้านคนเดียวจะอันตรายเกินไป เลยฝากเธอไว้กับลุงยศซึ่งเป็นหัวหน้าที่สนิทกันของคุณพ่อให้ช่วยดูแล
ริมฝีปากสวยฉีกยิ้มกว้างเมื่อเธอมองเห็นบ้านปูนสองชั้นขนาดกลางที่ตั้งตระหง่านอยู่ทางขวามือ
เธอบีบแตรรถสองสามครั้งไม่นานชายวัยสามสิบกว่า ๆ ผู้เป็นเจ้าของบ้านก็วิ่งออกมาเปิดประตูให้
“สวัสดีค่ะลุงยศ” แนนยกมือไหว้เจ้าของบ้านหลังจากที่ลงจากรถแล้ว
ลุงยศที่อยู่ในชุดกางเกงผ้าแพรขายาวสีเข้ม เสื้อยืดคอกลมสีขาวให้ความรู้สึกราวกับผู้ใหญ่ใจดี ทำให้เธอที่ไม่ได้เจอกับลุงยศนานรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“สวัสดีจ้ะหนูแนน” สมยศยกมือรับไหว้เด็กสาวรุ่นลูกอย่างยิ้มแย้ม สายตากวาดมองหญิงสาวที่เขาไม่ได้เจอเกือบสามปีตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า กระโปรงนักศึกษาที่สั้นแค่คืบ กับเสื้อรัดรูปตามสมัยนิยมทำเอาคนที่แอบมองกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
เด็กที่ใส่ชุดนักเรียนคอซองวันนั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงหญิงสาวสุดเซ็กซี่ตรงหน้าเขานี้เท่านั้น
ไม่อยากเชื่อจริง ๆ ว่าจะเป็นคนเดียวกัน
“หนูขอรบกวนสักสองสามวันนะคะ”
เสียงหวานที่ลอยเข้ามาในโสตประสาท ทำให้คนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ได้สติขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ คนกันเองทั้งนั้นอีกอย่างเราเป็นสาวเป็นแส้อยู่บ้านคนเดียวมันอันตราย” สมยศบอกอย่างใจดีทั้งสายตายังไม่ละจากหน้าอกคู่งามที่เด่นนูนออกมาเกินหน้าเกินตา จนเขากลัวว่ากระดุมเม็ดนั้นจะรั้งเอาไว้ไม่ไหว
“แล้วนี่เราเอาอะไรมาบ้างล่ะ มา ๆ เดียวลุงขนช่วย”
“ไม่เป็นไรค่ะลุง หนูมีกระเป๋าเดินทางแค่ใบเดียวเองสบายมาก” แนนปฏิเสธคนที่กำลังจะเข้ามาช่วยอย่างเกรงใจ ขณะที่ดึงกระเป๋าออกจากกระโปรงรถ
“ว้าย!”
เพราะน้ำหนักของกระเป๋าหนักกว่าที่คิดไว้ทำให้เธอรับน้ำหนักของมันไม่ไหว บวกกับรองเท้าส้นสูงแหลมปรี๊ดที่ใส่อยู่จึงทำให้เธอเสียหลักล้มไปนอนก้นจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น
“หนูแนน!” สมยศที่เห็นหญิงสาวร้องเสียงหลง ก็รีบวิ่งเข้าไปช่วยอย่างตื่นตกใจ
“เดินไหวไหม” เขาถามพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นยืน โดยเอาแขนข้างหนึ่งมาพาดคอของเขา ขณะที่สมยศก็ใช้มือประคองเอวเล็กเอาไว้ไม่ให้ล้ม
“ไหวค่ะ อ๊ะ!” แนนร้องขึ้นเมื่อยืนเต็มความสูงรู้สึกว่าขาของเธอเจ็บกว่าที่คิดจนหญิงสาวทรงตัวเองไว้ไม่อยู่ ยังดีที่มีลุงยศคอยประคองเธอเอาไว้ไม่อย่างนั้นคงต้องร่วงลงไปนอนกับพื้นอีกสักหน
แต่ว่า
“ระวังหน่อย”
เสียงเตือนเบา ๆ ดังอยู่ข้างหูไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกขนลุกซู่เท่ากับตอนที่รู้ว่ามือของลุงยศตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่เอวของเธอแต่เป็น…หน้าอก
ลุงยศกำลังจับหน้าอกของเธอ
นิชาหน้าแดงซ่านอย่างเขินอายเพราะตั้งแต่โตขึ้นมานอกจากแฟนหนุ่มของเธอที่เลิกกันไปแล้วคนอื่นก็ไม่เคยมีโอกาสได้จับ แต่เธอคิดว่าครั้งนี้มันเป็นอุบัติเหตุเพราะลุงยศหวังดีช่วยไม่ให้เธอล้มดังนั้นเธอจึงไม่ควรโกรธคุณลุง
ถ้าจะบอกอีกคนว่ากำลังจับหน้าอกเธออยู่ก็รู้สึกกระดากปากดังนั้นแนนจึงได้ปล่อยให้เลยตามเลย
ทางฝั่งสมยศเมื่อรู้ว่าสาวเจ้าไม่เอาเรื่องอะไรที่เขาเผลอกอบกุมหน้าอกคู่งามไว้เต็มมือ ก็ยิ่งได้ใจ เขาพาลูกสาวของลูกน้องคนสนิทเดินเข้าไปในบ้านอย่างช้า ๆ แกล้งเดินเซบ้าง จะล้มบ้างเพื่อที่จะได้ถือโอกาสบีบขย้ำภูเขาไฟลูกโตที่แน่นทะลักจนล้นมือเขาตอนนี้
กว่าจะเดินเข้ามาในบ้านได้นิชาต้องใช้ความพยายามอย่างหนักที่จะไม่หลุดเสียงครางออกมา เพราะทุกครั้งที่คุณลุกออกแรงบีบขย้ำหน้าอกของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจความรู้สึกดีแปลก ๆ ก็วิ่งเข้ามาเกาะกุมจิตใจอย่างที่ไม่ควรจะเป็น
โดยเฉพาะตรงใจกลางความสาวที่เริ่มเปียกชื้นขึ้นมาเพียงแค่ถูกสัมผัสหน้าอก
อยากจะตีตัวเองให้ตาย
“นั่งก่อน ๆ เดี๋ยวลุงไปเอาน้ำมาให้”
ร่างของเธอถูกว่างลงที่โซฟาตัวยาวก่อนที่ลุงยศจะรีบผละออกไปยกน้ำมาให้ นิชามองตามแผ่นหลังกว้างที่เดินออกไปเรื่อย ๆ อย่างรู้สึกเสียดาย
อยากให้จับมากกว่านี้
ขย้ำแรงมากกว่านี้
นิชายกมือขึ้นสัมผัสหน้าอกตัวเองตำแหน่งเดียวกับอีกคนที่เพิ่งเดินห่างออกเคยสัมผัส มันรู้สึกดีกว่าทุกครั้งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เธอรีบลดมือลงไว้ที่หน้าขาดังเดิมอย่างรวดเร็วพร้อมกับสลัดความคิดแปลก ๆ ของหัวเองให้ออกไปจากหัว
นี่แกโสดมานานจนเพ้อเลยหรือไง... หญิงสาวบ่นกับตัวเองในใจ
มันคงเป็นเพราะเธอโสดทำให้ห่างหายจากเรื่องพวกนี้ไปสักพักทำให้เวลาโดนแตะนิด ๆ หน่อย ๆ อารมณ์ที่เลยขึ้นง่ายกว่าปกติ
ใช่ มันต้องเป็นแบบนั้นแหละ
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ชีวิตแต่งงานของฉันพังทลายลงในงานกาลาการกุศลที่ฉันเป็นคนจัดขึ้นมาเองกับมือ วินาทีหนึ่ง ฉันคือภรรยาผู้มีความสุขและกำลังตั้งครรภ์ของเก้า สุวรรณกิจ เจ้าพ่อวงการเทคโนโลยี วินาทีต่อมา หน้าจอโทรศัพท์ของนักข่าวคนหนึ่งก็ประกาศให้โลกรู้ว่าเขากับพราว นิธิวัฒน์ รักแรกในวัยเด็กของเขา กำลังจะมีลูกด้วยกัน ฉันมองข้ามห้องไป เห็นพวกเขาสองคนยืนอยู่ด้วยกัน มือของเก้าวางอยู่บนท้องของพราว นี่ไม่ใช่แค่การนอกใจ แต่มันคือการประกาศต่อสาธารณะที่ลบตัวตนของฉันและลูกในท้องของเราให้หายไป เพื่อปกป้องการเปิดขายหุ้น IPO มูลค่าหลายหมื่นล้านของบริษัท เก้า แม่ของเขา หรือแม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของฉันเอง ก็ร่วมมือกันหักหลังฉัน พวกเขาย้ายพราวเข้ามาอยู่ในบ้านของเรา บนเตียงของฉัน ปฏิบัติกับเธอราวกับเป็นราชินี ในขณะที่ฉันกลายเป็นนักโทษ พวกเขาตราหน้าว่าฉันเป็นคนสติไม่ดี เป็นภัยต่อภาพลักษณ์ของครอบครัว พวกเขาใส่ร้ายว่าฉันนอกใจ และกล่าวหาว่าลูกในท้องของฉันไม่ใช่ลูกของเขา คำสั่งสุดท้ายนั้นโหดร้ายเกินกว่าจะคิดฝัน...ให้ฉันไปทำแท้ง พวกเขาขังฉันไว้ในห้องและนัดวันผ่าตัดเรียบร้อย พร้อมขู่ว่าจะลากฉันไปที่นั่นถ้าฉันขัดขืน แต่พวกเขาทำพลาดไปอย่างหนึ่ง... พวกเขายอมคืนโทรศัพท์ให้ฉันเพื่อหวังจะปิดปากฉันไว้ ฉันแสร้งทำเป็นยอมแพ้ แล้วใช้โอกาสสุดท้ายโทรออกไปยังเบอร์ที่ฉันเก็บซ่อนไว้มานานหลายปี... เบอร์โทรศัพท์ของพ่อผู้ให้กำเนิดของฉัน อนันต์ ธีรวงศ์ ประมุขของตระกูลที่ทรงอิทธิพลมากพอที่จะเผาโลกทั้งใบของสามีฉันให้มอดไหม้เป็นจุณได้
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY