จากนี้ไปผมคงทำได้เพียงจดจำความรักของเธอเอาไว้ ว่าครั้งหนึ่งเคยมีผู้หญิงที่ชื่อตะวันรักผมมากขนาดไหน ความรักที่ผมไม่สามารถตอบแทนอะไรให้เธอได้เลย
จากนี้ไปผมคงทำได้เพียงจดจำความรักของเธอเอาไว้ ว่าครั้งหนึ่งเคยมีผู้หญิงที่ชื่อตะวันรักผมมากขนาดไหน ความรักที่ผมไม่สามารถตอบแทนอะไรให้เธอได้เลย
บทนำ
รถ 7 ที่นั่งของครอบครัวขับมาจอดเทียบหน้าบ้านหลังใหม่ที่พวกเราสามคน พ่อ แม่ ลูก จะย้ายเข้ามาอยู่ในวันนี้ ตามมาด้วยรถบริการขนส่งรับย้ายบ้านที่เข้ามาจอดในเวลาไล่เลี่ยกัน เนื่องจากบริษัทของพ่อขยายเติบโตขึ้นจากปีที่แล้วทำให้พ่อสามารถซื้อบ้านหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมสำหรับพวกเราได้
“ตะวันชอบไหมลูก”
พ่อถามขึ้นเมื่อเห็นฉันเอาแต่ยืนจ้องมองอยู่ที่ตัวบ้านจนไม่ขยับไปไหน
“ชอบค่ะพ่อ”
ระหว่างที่กำลังตอบคำถาม สายตาก็เหลือบไปเห็นรถสปอร์ตสีเหลืองดำแล่นเข้าจอดที่บ้านหลังถัดไป
“ข้างบ้านเป็นบ้านของลุงคาร์ล เพื่อนพ่อเอง ตะวันจำลุงคาร์ลได้หรือเปล่า”
เมื่อพยายามนึกถึงหน้าคนที่พ่อกำลังพูดถึงก็พอจำได้ลาง ๆ เพราะว่าตัวฉันเองก็ไม่ได้เจอลุงคาร์ลมานานมากแล้ว ครั้งล่าสุดถ้าจำไม่ผิดน่าจะตอนที่ฉันอายุ 10 ขวบล่ะมั้ง
“เข้าไปข้างในดีกว่านะตะวัน จะได้ช่วยแม่ดูด้วยว่าจะวางอะไรตรงไหนดี”
“ค่ะแม่”
ฉันละสายตาจากรถสปอร์ตคันนั้นที่คนขับกำลังก้าวลงจากรถพอดี เมื่อหันกลับไปดูอีกครั้งก็เห็นคนที่น่าจะตัวสูงกว่าฉันเป็นฟุตเดินเข้าบ้านไปแล้ว
คงจะเป็นลูกชายของลุงคาร์ลละมั้ง...
หลังจากทางทีมงานของรถขนส่งขนของลงมาหมดแล้ว ตอนนี้ฉันก็เดินขึ้นมาดูห้องข้างบน
“ห้องของตะวันอยู่ทางนั้นนะลูก ลองเข้าไปดูสิว่าอยากจะปรับเปลี่ยน หรือแต่งอะไรเพิ่มหรือเปล่า”
ฉันเดินเข้ามาในห้องที่พ่อพึ่งบอกเมื่อกี้ ข้างในตกแต่งด้วยโทนสีฟ้าขาวแบบที่ฉันชอบ โต๊ะอ่านหนังสือและเตียงนอนถูกจัดไว้อย่างพอดีแบบที่ไม่ต้องปรับอะไรอีกเลย
เมื่อสำรวจไปทั่วห้องก็พบว่ามีประตูเปิดออกไปตรงระเบียงได้ พอเปิดออกไปดูตรงระเบียงก็พบว่าห้องของฉันอยู่ตรงข้ามกับบ้านของลุงคาร์ลพอดี แล้วก็ห้องที่อยู่ตรงข้ามนั้นน่าจะเป็นของผู้ชายคนที่ฉันเห็นเมื่อกี้ เพราะฉันเห็นผู้ชายคนนั้นกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้อง เขาน่าจะอายุเยอะกว่าฉันไม่กี่ปี ร่างกายบึกบึนมีกล้ามเป็นมัด คงจะออกกำลังกายอย่างหนัก แถมหน้าตาก็หล่ออย่างกับดารา เรียกว่าเป็นผู้ชายในฝันของผู้หญิงหลาย ๆ คนเลยล่ะ อ่อ รวมทั้งฉันด้วย
ฉันยืนมองเขาเพลินจนผู้ชายคนนั้นหันมาสบตานั่นแหละถึงได้ดึงตัวเองออกมาจากภวังค์ได้ แต่ว่า สายตาของเขาดูเหมือนจะไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ ก็พอเขาหันมาเห็นว่าฉันมองอยู่ เขาก็รีบเดินมาปิดผ้าม่านทันที
ช่างเถอะ..ก็แค่คนข้างบ้าน ถึงจะหล่อมาก หล่อเหมือนไม่มีอยู่จริงแต่ขี้เก๊กแบบนี้ก็ไม่อยากจะรู้จักนักหรอก ไว้ไปมหาวิทยาลัยค่อยไปส่องหนุ่มหล่อ ๆ ในคณะก็ได้
“ตะวัน ยุ่งอยู่หรือเปล่าลูก แม่เข้าไปได้ไหม”
เสียงของแม่เรียกอยู่หน้าประตู ฉันที่กำลังจัดเก็บเสื้อผ้าและสิ่งของไว้ในตู้ก็รีบเดินไปเปิดประตูให้ท่านทันที
“เข้ามาได้สิคะแม่ ห้องตะวันไม่ได้มีความลับสักหน่อย ว่าแต่ แม่มีอะไรให้หนูช่วยหรือเปล่าคะ”
ฉันถามแม่ออกไปด้วยความอยากรู้ ก็ตอนนี้แค่บ่ายโมงกว่า ๆ เท่านั้น จะว่าแม่มาเรียกไปทานของว่างก็ไม่น่าจะใช่
“แม่จะให้ตะวันช่วยเอาตะกร้าผลไม้ไปให้ลุงคาร์ลหน่อยน่ะ อีกอย่าง อย่าลืมชวนลุงคาร์ลมากินข้าวที่บ้านเราเย็นนี้ด้วยนะ บอกท่านว่าพวกเราอยากจะเลี้ยงฉลองที่พึ่งย้ายมาใหม่น่ะ”
“ได้ค่ะแม่ เรื่องแค่นี้เอง สบายมาก”
ฉันตอบตกลงพร้อมกับเดินตามแม่ลงไปข้างล่างหยิบตะกร้าผลไม้เพื่อจะได้เอาไปให้ลุงคาร์ล
ติ๊งต่อง ติ๊งต่อง! ฉันยืนกดกริ่งที่หน้าประตูรั้วบ้านของลุงคาร์ลอยู่หลายรอบแต่ก็ไม่มีใครมาเปิด หรือว่าจะไม่มีคนอยู่บ้านนะ..
“มีธุระอะไร กดซ้ำ ๆ อยู่ได้ ไม่รู้จักคำว่ามารยาทหรือไง”
ขณะที่ฉันกำลังหันหลังจะเดินกลับมาบ้านตัวเองก็ได้ยินเสียงดังขึ้นจากในตัวบ้าน แล้วมันก็ฟังไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ พอหันไปดูก็เห็นเป็นผู้ชายที่ปิดผ้าม่านใส่ฉันเมื่อเช้า
หึ..ปากแบบนี้ใครกันแน่ที่ไม่มีมารยาท
“เอ่อ พอดีพ่อกับแม่ให้หนูเอาผลไม้มาให้ลุงคาร์ลน่ะค่ะ แล้วก็ให้มาเชิญลุงคาร์ลไปทานข้าวเย็นที่บ้านวันนี้ด้วยค่ะ ไม่ทราบว่าลุงคาร์ลอยู่ไหมคะ”
พอดีฉันเป็นคนมีมารยาทมากพอก็เลยจำใจต้องพูดเพราะ ๆ กับอีตาหน้าบูดนี่
“พ่อไม่อยู่ แต่เดี๋ยวจะบอกให้ละกัน ส่วนตะกร้านั่น เอามานี่”
ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดอะไรต่อ ไอ้หน้าหล่อก็เดินมากระชากตะกร้าผลไม้จากมือของฉันไป ต้องใช้คำว่ากระชากเลยแหละ เพราะแรงที่เขาใช้มันแรงพอ ๆ กับแรงของควายลากไถเวลาไถนาก็ไม่ผิด
ตอนเด็กอีตานี่ไม่ได้เรียนมารยาทมาหรือไงนะ..
///////
ผู้หญิงสวย รวย เก่ง อย่างพลอยใส จะแต่งงานทั้งที ก็ต้องแต่งกับคนที่ศึกษากันมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่หน้าตา ไปจนถึงโจ้ย เอ้ย ถึงใจ ยิ่งเฉพาะกับเขาคนนั้น ที่เคยผิดสัญญา จะให้ไปแต่งงานด้วยเหรอ ไม่มีทาง! ถ้าเขาเป็นกรงเธอก็จะแหก ถ้ายังจะแต่ง ก็จะทำให้ร้องขออย่าแทบไม่ทันเลย คอยดู!
...คุณเชื่อในเรื่องกลับชาติมาเกิดไหม.. เมื่อก่อนผมก็ไม่เคยเชื่อในเรื่องพวกนี้ จนกระทั่งเมื่อสามเดือนก่อนเรื่องมหัศจรรย์ที่สุดก็เกิดขึ้นในชีวิตของผม เมื่อผมได้พบกับเธอ ผู้หญิงที่เหมือนกับคนรักที่ตายจากไปแล้วถึง 21 ปีทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา น้ำเสียง อายุ หรือแม้กระทั่งชื่อของเธอ ..ตะวัน.. เคลลี่ ชายหนุ่มที่เคยสูญเสียคนรักไปเมื่อ 21 ปีที่แล้วด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ จู่ ๆ เขาก็ได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งด้วยความบังเอิญ ผู้หญิงคนที่เหมือนกับคนรักของเขาที่ตายไปแล้วทุกกระเบียดนิ้ว และนั่นก็ทำให้เขาเชื่อสนิทใจว่าเธอคือตะวันกลับชาติมาเกิด เขาจึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้กลับมาคบกับเธออีกครั้ง ดุจตะวัน หญิงสาววัยย่างเข้า 21 ปี เขาพบเจอกับเคลลี่ด้วยความบังเอิญ และมันก็เป็นความบังเอิญอย่างต่อเนื่อง เมื่อเขาคือประธานบริษัทที่เธอกำลังฝึกงานอยู่ และเขาสั่งให้เธอเข้ามาฝึกงานในห้องทำงานของเขา นั่นถึงทำให้เธอรู้ว่าที่เคลลี่เอ็นดูเธอ เพราะว่าหน้าตาและชื่อคล้ายแฟนที่เสียชีวิตไป ความสัมพันธ์ของทั้งคู่พลิกผันแบบไม่คาดคิด เคลลี่พยายามทำทุกอย่างเพื่อจะให้ดุจตะวันรู้ว่าเธอคือตะวันกลับชาติมาเกิด แต่มันก็ไม่ง่ายเมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้นอีกครั้งซ้ำรอยเดิม และเธอก็ลืมความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอจนหมด ........ มาติดตามว่าเคลลี่จะทำยังไงให้เธอกลับมาจำความสัมพันธ์ของเขาและเธอได้ แล้วเธอจะใช่คนรักกลับชาติมาเกิดจริง ๆ หรือเปล่า รักครั้งนี้ จะสมหวัง หรือสุดท้ายแล้วจะลงเอยด้วยน้ำตาเช่นเดิม //////
เพราะต้องหาเงินมาไว้ใช้จ่าย และเตรียมไว้สำหรับการผ่าตัดให้คุณยาย พิมพ์มาดาเลยจำเป็นต้องหางานพิเศษทำตัวเป็นเกลียว จนวันหนึ่งเธอเห็นป้ายรับสมัครงานที่ติดอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ เงินเดือนสูง และเวลาทำงานไม่กระทบกับชีวิตประจำวันของเธอ พิมพ์มาดาตัดสินใจสมัครงานทันที เพราะเธอคิดว่าเป็นงานดูแลผู้สูงอายุ แต่มันไม่ใช่ เจ้าของคฤหาสน์ที่ทุกคนเรียกว่าคุณท่านรับเธอเข้าทันงานทันที โดยที่พิมพ์มาดาไม่รู้เลยว่า สัญญาที่เธอเซ็นไปนั้นมันแตกต่างจากของคนอื่น มันเป็นสัญญาฉบับพิเศษที่ทำขึ้นเพื่อเธอเพียงคนเดียว อาร์เดน ชายหนุ่มหลังม่านสีดำเจ้าของคฤหาสน์หลังใหญ่ และเป็นผู้สืบทอดกลุ่มมาเฟีย ไททันสเนค เขากำลังสืบหาคนที่ลอบวางระเบิดรถของพ่อเขาเมื่อสองปีก่อน แต่ยิ่งสืบ ความจริงก็ยิ่งทำให้เขาเจ็บปวดใจ เพราะคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดคือคนที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน การแก้แค้นก็สำคัญ แต่ความปลอดภัยของหญิงสาวที่อยู่ใต้อาณัติของตัวเองนั้นก็มองข้ามไม่ได้ เมื่อเธอถูกจับตัวไป ความอดทนเส้นสุดท้ายของอาร์เดนก็ขาดลง ทุกคนที่ทำเลวกับเขาจะต้องชดใช้ /////////
มีข่าวลือว่า ลูกเลี้ยงของตระกูลเสิ่นทำทุกอย่างเพื่อเข้าวงการแต่งงานกับตระกูลหลิน หลังจากถูกหลินอี้ฟานทิ้ง เธอก็เล็งไปที่หลินเหยียนเซิง แต่ไม่มีใครรู้ว่า ก่อนแต่งงาน เบ่ยหลินถูกหลินเหยียนเซิงวางแผนอย่างไร้ปรานี เมื่อเป็นคุณนายหลินในขณะตั้งครรภ์ เบ่ยหลินเพียงหวังว่าจะได้คลอดลูกอย่างปลอดภัย แม้วันแต่งงานวันแรกหลังจากนั้น จะมีข่าวลือกับรักเก่าของเขาเป็นที่พูดถึงกันทั่วเมือง เธอก็ยังคงเฉยเมย และยังส่งข้อความไปเตือนให้เขาระวังเรื่องปิดม่านครั้งหน้า แต่คืนนั้น เบ่ยหลินก็ถูกเขาดักไว้ที่มุมกำแพง “ภรรยาที่รัก ผมผิดไปแล้ว...” หลังแต่งงาน หลินเหยียนเซิงถึงได้รู้ว่า ที่แท้เมียของเขานั้นยากที่จะเอาอกเอาใจขนาดไหน
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
อวิ๋นซือเป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่กับภริยาเอก นางเพียบพร้อมคู่ควรกับฐานะฮูหยินใหญ่ วัยสิบห้าหญิงสาวขึ้นเกี้ยวสีเเดงหลังใหญ่ ใช้แปดคนหามเข้าสู่ตระกูลสามี วัยสิบเจ็ดนางถือหนังสือหย่าออกจากจวนอย่างทระนง เป็นฮูหยินใหญ่เเล้วอย่างไร เมื่อในใจสามียังสู้อนุคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
วิโมกข์คือชายหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดที่ผิดหวังจากความรักอย่างรุนแรง เขากลายเป็นคนอ่อนแอไร้หลัก หมกมุ่นอยู่กับสุรานานนับเดือน แต่หลังจากนั้นก็ได้สติเพราะคำพูดแทงใจของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีคนหนึ่ง เจ็ดปีต่อมาเขาได้กลายเป็นนายหัวผู้ทรงอิทธิพลในธุรกิจค้าหอยเป๋าฮื้อ และต้องเผชิญหน้ากับอดีตคนรักที่เข้ามาอยู่ในบ้านของเขาอีกครั้ง... ชาร์มมิ่งในวัยยี่สิบสี่ปีเดินทางจากนิวยอร์กสู่สงขลาอีกครั้งหลังจากเจ็ดปีผ่านไป เพราะถูกเพื่อนรักขอร้องให้มาแสดงละครขัดขวางอดีตคนรักของพี่ชาย เธอไม่อยากทำแบบนี้เลยเพราะพอใจที่จะแอบรักเขาไปแบบนี้มากกว่า แต่จะทำไงได้ล่ะ.. ในเมื่อเธอก็ถูกผู้เป็นย่าคอยจับคู่อยู่เรื่อยไป จึงตัดสินใจเลือกในสิ่งที่หัวใจปรารถนา... การแสดงที่มาจากส่วนลึกของจิตใจจริงๆ จึงเริ่มต้นขึ้นนับตั้งแต่วินาทีที่เธอเจอหน้าเขา
เมื่อย้อนเวลามาอยู่ในยุคโบราณที่ผู้ชายล้วนมีสามภรรยาสี่อนุ จื่อรั่วอิงจึงมองหาบุรุษที่จะทำให้นางใช้ชีวิตอย่างสงบสุขและได้รู้ว่ามีอ๋องผู้หนึ่งไร้ภรรยาและตาบอดเขาคือคนไม่มีใครเอา"สวรรค์ให้ทางรอดข้าแล้ว" นิยายเรื่องนี้เป็นแนวสุขนิยม ปมเบา ๆ ไม่หนัก นะคะ พระเอกมีเมียเดียว พระเอกสายซึนคลั่งรักนางเอกแต่ไม่รู้ตัว นางเองจอมตื๊อเพื่อทำให้สามีรักสามีหลงขนความฮามาพร้อม ๆ กับบ่าวรับใช้และครอบครัว แนวขบขัน สายฮา สายตลกไม่ควรพลาดค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
© 2018-now MeghaBook
บนสุด