กว่าจะเจอรักแท้เธอก็โดนเทจนเกือบจะปิดตายประตูหัวใจ แผลที่หายยากที่สุดคือบาดแผลจากความรู้สึก สุดท้ายแล้วความรักของใครบางคนก็ต้องฝังเอาไว้อยู่ในก้นบึ้งในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจโดยที่ไม่มีวันลืมได้เลย
กว่าจะเจอรักแท้เธอก็โดนเทจนเกือบจะปิดตายประตูหัวใจ แผลที่หายยากที่สุดคือบาดแผลจากความรู้สึก สุดท้ายแล้วความรักของใครบางคนก็ต้องฝังเอาไว้อยู่ในก้นบึ้งในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจโดยที่ไม่มีวันลืมได้เลย
ร้านกาแฟ Coffee Friends
"พี่กุ๊กคะ พวกมันมาอีกแล้วค่ะทำยังไงดีคะ"
"ติ๊กไป เร็ว รีบไปล็อกประตู"
กุ๊กไก่พูดเสียงสั่นในขณะที่ซ่อนตัวอยู่หลังเคาน์เตอร์กาแฟอย่างรวดเร็ว
"ไม่ทันแล้วค่ะ หนูก็กลัวค่ะ พะ พวกมันเข้ามาแล้ว"
ติ๊ก พนักงานคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในร้านกาแฟของกุ๊กไก่พูดขึ้น เด็กสาวอายุเพียงสิบเก้าปี แต่นับว่าใจแกร่งอยู่ไม่น้อย เธอยังคงทำหน้าเรียบเฉย รับออร์เดอร์แล้วยิ้มให้กับลูกค้าที่อยู่ข้างหน้า เสียงของเด็กสาวสั่นอย่างเห็นได้ชัด หากไม่เพราะสงสารเจ้านายสาวเธอคงลาออกไปแล้ว
กุ๊กไก่กำลังคิดหาทางออก เธอต้องผ่านเหตุการณ์นี้ไปให้ได้เพราะร้านของเธอกำลังจะเจ๊ง กระทั่งผู้ชายสองคนสวมหมวกกันน็อกเดินเข้ามาในร้านถามเสียงเหี้ยมจนกุ๊กไก่ขนลุก เธอไม่ต้องการให้ติ๊กที่ไม่รู้เรื่องอะไรต้องมาลำบาก กุ๊กไก่จึงค่อย ๆ ลุกขึ้นอย่างช้า ๆ
เธอตีหน้าขรึมถ้าการเจรจาครั้งนี้ไม่สำเร็จ เธอคงต้องยอมบอกเพื่อนรักทั้งสองคน คิดแล้วก็เศร้าทั้ง ๆ ที่พยายามจะรักษาร้านเอาไว้แท้ ๆ แต่เพราะความเชื่อใจ และไม่เคยดูแลร้านของเธอเลย จึงทำให้ร้านกาแฟสามสาขาของเธอถูกผู้จัดการยักยอกเงินไปจนหมด
เธอยื้อมาได้เกือบปี ด้วยความสามารถของเธอที่ไม่มีอะไรเลยก็ทำให้ร้านขาดทุนยับ มีคู่แข่งมาเปิดที่ฝั่งตรงข้ามลูกค้าหดหายสุดท้ายเธอต้องยอมปล่อยสองร้านนั้นไป เพราะตัวเองไม่เหลืออะไรให้ขายกินอีกแล้ว
สุดท้ายเหลือเพียงร้านนี้ที่นาชาเพื่อนรักของเธอปลุกปั้นขึ้นมา กุ๊กไก่จึงไม่ยอมวางมือ เธอพยายามยื้อสุดชีวิตกระทั่งต้องไปเอาเงินนอกระบบมาจ่ายค่าเช่า
ด้วยดอกเบี้ยที่มหาศาล เธอผู้ไร้ความสามารถก็ไม่มีปัญญาจ่ายอีก เจ้านายของพวกมันยังขอให้เธอเอาตัวเองไถ่ดอก กุ๊กไก่โมโหมากจะหันไปพึ่งใครก็ไม่ได้ ตั้งแต่นาชาและลูกเกดย้ายไปอยู่ต่างประเทศตามสามีเธอก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกนี้
คิดจะโทรไปสารภาพกับเพื่อนก็หลายครั้ง แต่ทุกครั้งก็รู้ว่าทั้งสองคนต้องไม่ว่าอะไร ยังจะให้เงินเธอมาอีกแน่ กุ๊กไก่ยิ่งรู้สึกสำนึกผิดจริง ๆ ทั้งหมดเป็นเพราะความเหลวไหลของเธอที่ไม่ดูแลร้านให้ดี จึงคิดจะต่อสู้ให้ถึงที่สุด
"นายสั่งมาวันนี้ถ้าไม่จ่ายก็ไปกับพวกผมดี ๆ ข้อเสนอที่นายให้ยังไม่พอเหรอ"
กุ๊กไก่หลุดจากภวังค์เมื่อผู้ชายตัวใหญ่หุ่นหมี ใส่หมวกกันน็อกเปิดให้เห็นแค่ดวงตาพูดกับเธอ
"ฉันไม่ไปหรอก ให้เวลาหน่อยพักนี้รายจ่ายที่ร้านเยอะยอดขายก็ไม่ค่อยดีถ้ามีแล้วจะเอาไปให้"
เธอพยายามพูดเบา ๆ เกรงว่าลูกค้าที่ยืนสั่งกาแฟอยู่จะได้ยิน
ใช่เธอตกอับ และ อับอายสุด ๆ
แต่ความพยายามของกุ๊กไก่กลับไร้ผล เมื่อผู้ชายคนนั้นหัวเราะเสียงดังราวกับว่ากำลังเลียนเสียงตัวร้ายจากหนักพากย์ฮ่องกงกาก ๆ ตัวหนึ่ง
"ผมมาที่นี่ทุกวัน วันละหลายรอบก็ไม่เห็นว่าคุณจะหาได้ อย่าเสียเวลาเลยถ้าเป็นคนอื่นผมคงลงมือไปแล้ว คุณต้องขอบคุณนายนะที่ถูกใจคุณเข้าไม่งั้นหน้าสวย ๆ นี่คงได้เลือดกบปากแล้วล่ะ"
มันพูดพร้อมกับถอดหมวกกันน็อกออก เมื่อเห็นว่านอกจากลูกค้าซึ่งเป็นคนนอกคนหนึ่งกับผู้หญิงสองคนแล้วไม่มีใครอยู่อีก สายตาน่ารังเกียจมองกุ๊กไก่ตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าพร้อมกับเลียริมฝีปาก
"หุ่นแม่งน่าเอาชะมัด สวย ๆ แบบนี้ ท่าทางแบบนี้เอวคงดีว่ะ"
มันพูดออกมาพร้อมกับหันไปหัวเราะด้วยเสียงของตัวร้ายกับเพื่อนตัวโตที่มาด้วยกัน กุ๊กไก่โกรธจนขาดสติ
"ไอ้ชั่วกับผู้หญิงก็คิดจะทำร้ายเหรอ แกมันชาติชั่ว คงเก่งแค่กับผู้หญิงล่ะสิ"
"ถุย อีนี่ปากดีว่ะ"
ว่าแล้วมันก็ถุยน้ำลายลงพื้น กุ๊กไก่แทบช็อกกับความสกปรกที่เกิดขึ้น เธอหยีหน้าค่อย ๆ ก้าวถอยหนีช้า ๆ เมื่อมันยกมือขึ้นทำท่าจะจับคางของเธอ
กุ๊กไก่ทนไม่ไหวแล้วคิดว่าจะแจ้งตำรวจให้จัดการ เธอไม่ปล่อยพวกมันไว้แน่
"ไอ้เลว ออกไปนะ ฉันแจ้งตำรวจแน่"
เธอเริ่มขู่พวกมัน
"กลัวจัง ฮ่า ฮ่า ฮ่า"
เพราะเจ้านายของมันมีอิทธิพลมาก จึงทำให้พวกมันไม่เคยกลัวตำรวจแม้แต่น้อย กลับมองเธอด้วยสายตาหื่นกระหายยิ่งกว่าเดิม ลูกไก่รู้สึกสะอิดสะเอียนแทบจะอ้วกออกมา
เมื่อกุ๊กไก่ขยับหนี ผู้ชายคนนั้นยังขยับตาม ติ๊กมองมาทางเธอกลัวลนลานกระทั่งทำกาแฟหก ถึงจะพยายามทำเป็นไม่สนใจกับการคุกคามของคนพวกนี้เพราะตัวเองไม่อยากเจ็บตัวด้วย
แต่เจ้านายเดือดร้อนขนาดนี้แล้วจะทำยังไงดี
ผู้ชายคนนั้นเดินอ้อมมาหลังเคาน์เตอร์ กุ๊กไก่ขยับถอยจนเกือบจะชนติ๊ก
"อย่าเข้ามานะ แกกล้าทำเหรอฉันจะฟ้องเจ้านายแก"
"เอาสิ กว่าจะถึงมือเจ้านายมึงก็เป็นเมียกูแล้ว"
มันพูดพร้อมกับหัวเราะ
กุ๊กไก่ตกใจเมื่อมันทำท่าจะจับตัวเธอ หญิงสาวหันไปหยิบกาแฟร้อนในมือของติ๊กที่ยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ สาดเข้าไปเต็ม ๆ มันร้องโอดโอยออกมาแล้วยกมือปิดหน้า
กุ๊กไก่ดึงมือติ๊ก จะหนีออกอีกด้านของเคาน์เตอร์แต่ถูกผู้ชายอีกคนขวางเอาไว้ ตอนนี้เป็นเวลาเย็นใกล้ปิดร้านแล้ว คนบริเวณนี้จึงแทบไม่มีและไม่มีใครสนใจว่าเกิดอะไรในร้านกาแฟแห่งนี้
"จะหนีไปไหน"
ไอ้คนนั้นพูดขึ้น กุ๊กไก่กอดติ๊กแน่นเธอต้องปกป้องลูกน้องที่ซื่อสัตย์ของเธออย่างสุดชีวิต ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะลงมือฉับพลันนั้น เขาก็ร่วงลงไปกองที่พื้น เพราะถูกคนกระทืบโดยไม่ตั้งตัว
ผู้ชายคนนั้นที่มาช่วยพวกเธอเอาไว้ เดินผ่านหลังเคาน์เตอร์เฉียดเธอไปเล็กน้อย แล้วจัดการกับผู้ชายที่กุ๊กไก่สาดน้ำร้อนใส่อย่างรวดเร็ว ไม่นานผู้ชายคนนั้นก็ร่วงลงไปกับพื้นเช่นกัน
เพียงแต่ข้าวของในร้านพังเสียหายไปบางส่วน ด้วยถูกผู้ชายใจดีที่เข้ามาช่วยเหลือ หยิบมาเป็นอาวุธฟาดคนที่กำลังเสียท่าจนเยิน เขายังลากผู้ชายตัวใหญ่ทั้งสองคนด้วยมือข้างเดียวไปกองรวมกันที่หน้าร้านพร้อมกับโทรแจ้งตำรวจทันที
กุ๊กไก่และติ๊กวิ่งไปที่หน้าร้านเห็นเขากำลังใช้ผ้าเช็ดมือของร้านเธอมัดมือและเท้าของคนทั้งสองเอาไว้อย่างแน่นหนา การต่อสู้ที่รวดเร็วปานสายฟ้า และความเก่งของเขาทำให้กุ๊กไก่คิดว่า เขาอาจจะเป็นนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกก็เป็นได้ เพราะเก่งแบบหาตัวจับยากขนาดนี้
ตอนนี้คนถึงเริ่มมามุงดูที่หน้าร้านของเธอแล้ว กุ๊กไก่และติ๊กจึงพากันเดินเข้าในร้านและล็อกประตูจนเรียบร้อย หลังจากที่เชิญผู้ชายคนนั้นเข้ามาข้างใน เธอจึงมีโอกาสมองหน้าเขาชัด ๆ และนั่นทำให้กุ๊กไก่ตกตะลึง
"โอ้ หล่อเชี้ยๆ"
จิตใจของกุ๊กไก่ล่องลอยไปไกล ทั้งเพ้อละเมออย่างที่ไม่สามารถควบคุมได้ นี่คงเป็นตามที่สำนวนจีนเคยกล่าวไว้
วีรบุรุษช่วยสาวงาม กรี๊ดดดดดดดด
ไม่แน่ว่าฟ้าอาจจะส่งคู่ฟ้าประทานลงมาให้เธอแล้ว เขาต้องเป็นเนื้อคู่ของเธอแน่นอน สุดหล่อที่เข้ามาช่วยเธอในยามตกยาก
นี่มันเข้าพล็อตนิยายรักหวานแหววแล้ว อร๊ายยย เขินจัง
เธอคิดไปไกลถึงสุดขอบฟ้า ในขณะที่ผู้ชายสุดหล่อยังยืนหน้าเป็นและไม่มีทีท่าว่าจะตกตะลึงในความสวยของเธออย่างพล็อตนิยายเลยสักนิด
กุ๊กไก่กระแอม พลางประเมินเขาด้วยสายตาอีกรอบ ท่าทางเขาคงอายุเท่า ๆ เธอ แต่เอ๊ะ ยิ่งมอง ทำไมยิ่งดูคุ้นหน้าคุ้นตาจังเลย หรือว่า....
จะเคยพบกันในชาติปางก่อน
"ขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้คุณนี่ฉันแย่แน่ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ" กุ๊กไก่ทำเสียงสองตาใสถามเขาทันที
"ไม่เจ็บหรอก ไม่ต้องกลัวนะเราเรียกตำรวจแล้ว เดี๋ยวก็มา พวกมันมาบ่อยเหรอเกิดอะไรขึ้นเล่าให้ฟังหน่อย"
กุ๊กไก่ยังมึนอยู่ ทำไมเขาถึงได้พูดแบบสนิทกับเธอขนาดนี้ หญิงสาวกลอกตาหลายรอบ พยายามคิดว่าเป็นเพื่อนนายแบบคนไหนที่เธอลืมไปหรือเปล่า แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออก
"ก็ไม่มีอะไรค่ะ"
ในเมื่อคิดไม่ออกว่าเขาเป็นใคร เธอจึงไม่ยอมเล่า
"ว่าแต่ว่า เสื้อของคุณยับแล้วค่ะ ตรงนี้ค่ะ"
เธอจิ้มนิ้วไปที่หน้าอกของเขาทำท่าทางตกอกตกใจ ที่ทำให้เขาลำบาก
"อุ๊ย แข็งจัง กล้ามทั้งนั้นเลยใช่หรือเปล่าคะ"
เธอบอกทำท่าทางเขิน ๆ อย่างน่ารัก ในขณะที่ติ๊กมองเจ้านายด้วยความตกตะลึง เพิ่งเจอเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานมา พี่กุ๊กไก่ยังสามารถเต๊าะผู้ชายได้หน้าตาเฉย ในขณะที่เธอกลัวจนแทบฉี่จะราดอยู่แล้ว
"พูดเพราะจังเลยนะ จำเราไม่ได้จริง ๆ เหรอ"
ผู้ชายคนนั้นกลับพูดแบบนี้ กุ๊กไก่ยิ่งสมองหมุนเธอจ้องหน้าเขาทั้งยังพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ถามว่าคุ้นหรือเปล่า ก็ ดูคุ้นตาอยู่มาก แต่คิดยังไงเธอก็คิดไม่ออก
กระทั่งเขายกมือเขกที่ศีรษะของเธอเบา ๆ
"ยังเหมือนเดิมเลยนะ โง่เหมือนเดิมเลย โง่และอวดดีไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ"
คำพูดแบบนี้ น้ำเสียงแบบนี้ มัน...คุ้น...ยิ่งกว่า....คุ้น..อีก
"นายเป็นใคร บอกฉันมานะ" เธอจึงถามออกไปด้วยท่าทางหวาดระแวง
ความสุขในฐานะคุณหนูอันดับหนึ่งของหนานอิงต้องพังลงทันใด เมื่อนางถูกโจรชั่วจับตัวมาและยังกระทำย่ำยี กระทั่งมารดาของนางยังถูกคร่าชีวิต สาวใช้ข้างกายถูกตัดลิ้นจนเสียสติกลายเป็นคนบ้าใบ้ ทั้งหมดด้วยความริษยาของฮูหยินใหญ่ผู้นั้น หนานอิงได้พบกับหานเซียวและลู่หนิงหวังสองอ๋องพี่น้องที่คอยช่วยเหลือนาง อ๋องผู้ป่าเถื่อนโหดร้ายและแสนเย็นชา แม้จะให้การช่วยเหลือแต่นางก็กลายเป็นนางบำเรอของพวกเขาเช่นกัน ไม่ว่าสองอ๋องจะโหดร้ายแต่นางจำต้องอดทน สุดท้ายนางกลายเป็นมือสังหารที่วางชีวิตไว้กับพวกเขาเพื่อแลกกับการแก้แค้น นางถูกฝึกอย่างหนักจนเก่งกาจยิ่ง หนานอิงจะทำเช่นใดเมื่อได้รู้ว่า คนที่ย่ำยีนางและเป็นศัตรูที่นางต้องการสังหารคือ สองอ๋องทั้งสองที่เป็นผู้กระทำย่ำยีนางจนปางตาย ฆ่า หรือ ไม่ฆ่า ล้วนเป็นนางที่ต้องเลือก! หมายเหตุ นิยายเรื่องนี้เป็นความรักแบบ 3P โปรดดาวน์โหลดตัวอย่างก่อนอ่านค่ะ ภาคต่อของนิยายเรื่องนี้คือเรื่อง Trigger warning: 3P
สาเหตุที่เขาได้ดูแลเด็กคนนี้นั่นเป็นเพราะพ่อแม่ของเอยและพี่ชายของเอยเป็นเพื่อนสนิทของเขา ครอบครัวเอยจากไปด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ตั้งแต่เอยอายุได้เพียงสิบขวบเท่านั้น ญาติของเอยก็ไม่มีใครเหลียวแลทำให้เขาซึ่งสนิทกับครอบครัวของเอยที่เห็นเอยมาตั้งแต่เล็ก ๆ เกิดความสงสารจึงได้ขอให้พ่อแม่ของเขารับเอยมาเลี้ยงดู และพ่อแม่ของเขาก็ตกลง หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขาก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศ จึงทิ้งให้เขาและเอยอยู่ด้วยกันที่เมืองไทยตามลำพัง นับตั้งแต่นั้นเขาก็กลายเป็นพี่ชายของเอยเต็มตัว แต่วันนี้เมื่อเอยโตขึ้น เธอกลับไม่เห็นบุญคุณและคิดจะจากเขาไปง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่นับวันเขาจะรักเธอจนกระทั่งถอนตัวไม่ขึ้นและเฝ้ารอเธอเติบโตมานานขนาดนี้ ++++++ “อ๊า...เฮียอย่านะ อย่าทำหนู” สาวน้อยส่งเสียงครางเล็ดลอดออกมาเพราะความเสียวซ่าน และเอ่ยห้ามแต่น้ำเสียงของเธอคล้ายกระตุ้นเขายิ่งขึ้นไปอีก “เอยอยากใช่หรือเปล่า หนูก็ต้องการเฮียใช่ไหม” “ไม่...อย่านะเฮีย หนูไม่ได้ต้องการเฮีย เฮียเป็นพี่ชายหนูนะ” “ต่อไปเฮียจะเป็นผัวหนู แล้วจะเอาหนูแรง ๆ ให้หนูไปไหนไม่ได้ต้องร้องหาเฮียเท่านั้น” คำพูดของเขาทำให้เอยหวาดกลัว แต่ในความรู้สึกนี้กลับมีความอยากรู้อยากเห็นอย่างประหลาด หญิงสาวผลักเขาออกเมื่อธนเดชดึงชุดนอนของเธอจนขาด แต่แรงของเขามีมากกว่าตอนนี้เธอจึงยืนเปลือยต่อหน้าเขา เอยยืนน้ำตาไหลพราก เมื่อเขาเห็นเขาจึงเหยียดยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ “ฉันเกลียดแก อื้อ อื้อ”
หนานอันพริตตี้สาวสู้ชีวิตอายุยี่สิบปีแอบชอบผู้ชายคนหนึ่งอย่างหนักและอยากได้เขามาเป็นแฟนใจจะขาด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สนใจเธอ หญิงสาวได้ไปดูดวงแม่หมอคนนั้นจึงบอกให้เธอมาขอพรที่ศาลเจ้าเล็ก ๆ ในอำเภอแห่งหนึ่งที่ห่างไกลเพื่อให้เธอสมหวังและต้องไปในวันที่ฟ้ามืดที่สุดของเดือนในอีกสองวันข้างหน้าถึงจะเห็นผล หนานอันเชื่อแม่หมอเพราะอยากได้ผัว เธอจึงไม่รอช้ารีบคว้ากระเป๋าเป้เดินทางมายังศาลเจ้าทันที เมื่อหนานอันเข้าไปภายในศาลเจ้าก็พบว่า มีสตรีสูงวัยคนหนึ่งอายุราวหกสิบกว่าปีกำลังกวาดศาลเจ้าอยู่ ...... "ได้ของสิ่งนี้ไปต้องสมหวังอย่างแน่นอน" คุณยายพูดพร้อมกับรอยยิ้ม น้ำเสียงนี้ฟังดูเยือกเย็นเป็นอย่างยิ่ง หนานอันยิ้มให้คุณยายจู่ ๆ ขนแขนของเธอก็ตั้งชันขึ้นมา เธอกำลังจะลุกขึ้นในตอนนั้นก็เกิดฟ้าผ่าเปรี้ยงลงมา หนานอันหวีดร้องด้วยความตกใจทว่าเมื่อหันไปมองคุณยายเธอไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว หนานอันประหลาดใจมากร้องเรียกคุณยายอยู่หลายคำ แต่ว่าในตอนนี้เธอก็ไม่มีเวลาให้คิดสิ่งใดแล้วเพราะเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อฟ้าผ่าลงมาที่ศาลเจ้าเข้าอย่างจังหนานอันที่อยู่ด้านในจึงถูกฟ้าผ่าไปด้วยและสติดับวูบลงไปทันใด ไม่รู้ว่านานเท่าใดที่หนานอันตกอยู่ในความมืดมิด และเมื่อเธอตื่นขึ้นมาทุกอย่างรอบกายของเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป...
เซียวหนานอยู่ในระดับต่ำสุดขององค์กรลับที่แผ่ขยายสายข่าวไปทุกแว่นแคว้น นางเป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาที่ถูกเก็บมาให้เป็น นกกระจอกสืบข่าว เรียกได้ว่าเป็นชนชั้นที่วรยุทธ์ต่ำต้อยและต้องทำงานเอาตัวเข้าแลกเพื่อหาข่าวให้กับเบื้องบน ดังนั้นนกกระจอกเช่นนางจึงมีมากมายแทรกซึมเข้าไปในจวนขุนนางต่าง ๆ โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ สิ่งที่นางฝึกฝนมาตลอดหลายปีมานี้ก็คือการเอาใจบุรุษ บำรุงร่างกาย ฝึกฝนศาสตร์ทั้งห้าให้เชี่ยวชาญ และฝึกวิชาเสพสังวาสให้บุรุษติดใจ แม้ว่าจะไม่เคยทำกับบุรุษจริง ๆ แต่ขนาดของแท่งหยกของบุรุษนางล้วนได้สัมผัสมาแล้วจากแท่งหยกของเทียมและแท่งหยกบุรุษของจริงที่นางไม่เคยเห็นหน้าว่าคนพวกนั้นคือผู้ใด เพราะพวกนางต้องมอบกายให้กับเหยื่อคนแรกที่นับว่าส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นสูง ดังนั้นจึงไม่อาจร่วมประเวณีกับบุรุษอื่นก่อนที่จะได้รับมอบเหยื่อจากนายใหญ่
องค์หญิงใหญ่รั่วเสียน ต้องปกป้องบัลลังก์ของน้องชายที่ขึ้นครองราชย์ในวัยเพียงแค่ 4 ขวบ ดังนั้นนางจึงต้องหาทางมัดใจเสนาบดีกัวผู้กุมอำนาจราชสำนักเอาไว้ให้ได้ ทว่าบุรุษผู้นี้กลับไม่ต้องการแต่งงานกับนาง เขายังทำตัวดั่งบิดาหาบุรุษไว้ให้นางอีก รั่วเสียนจึงต้องฝึกฝนการยั่วยวนเขาเพื่อหาวิธีมัดใจบุรุษผู้นี้เอาไว้ให้ได้ และนางก็ต้องตกใจเมื่อเสนาบดีกัวกลับมีถึงสองคน! +++ นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายจีนโบราณประเภทนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ เป็นเรื่องแต่งขึ้นจากจินตนาการไม่ได้อ้างอิงจากประวัติศาสตร์ใด ๆ ดังนั้นภายในจะมีฉาก เนื้อหา เน้นหนักที่เรื่องเพศระหว่างชายหญิง มีการร่วมรักกันตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป (3P) และอาจมีความไม่สมเหตุสมผลบ้าง ขอให้ผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
คำโปรย หลังจากบิดามารดาเสียชีวิต จูเมยได้ถูกท่านอาบุญธรรมรับเลี้ยง ท่านอาผู้เปี่ยมด้วยความอ่อนโยนและเมตตา ได้กลายเป็นเสาหลักเพียงหนึ่งในชีวิตนาง หัวใจที่อ่อนโยนของจูเมยเริ่มเต้นแรงเมื่ออยู่ใกล้ท่านอา แต่ท่านอาคิดอย่างไรกับนางกันแน่? หรือว่าความรักนี้เป็นเพียงความรู้สึกที่นางมีอยู่เพียงฝ่ายเดียว? เมื่อหัวใจต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน จูเมยกลับรู้สึกเจ็บปวดกับความรู้สึกนี้ "ท่านอา...อย่าดีต่อข้ามากนักได้หรือไม่" นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักจีนโบราณ มีดราม่าเล็กน้อยช่วงเริ่มต้น จบสุขนิยม ไม่มีนอกกายนอกใจ เป็นความรักฟิน ๆ ระหว่างท่านอาและหลานสาว(บุญธรรม)ตัวน้อยของตนเอง
หยุนม่านชิง บุตรสาวของฮูหยินเอกจากจวนโหวหวยอัน ซึ่งถูกสลับตัวตอนอายุยังน้อย และเติบโตในชนบท เมื่อนางได้กลับมาที่จวนท่านโหวหวยอัน นางคาดหวังความรักและความอบอุ่นจากครอบครัว แต่ไม่คาดคิดว่าเป็นเพียงภาพลวงตาจวนโหวถูกยึดครองโดยหยุนโหรวเจียที่เป็นลูกสาวปลอม ในการวางแผนของลูกสาวปลอมและคู่หมั้นของนาง หยุนม่านชิงต้องแต่งงานในฐานะอนุภรรยา ต้องทำตัวนอบน้อมและก้มหัวให้ทุกคนเพื่อเอาใจคนในบ้าน นางคิดว่าจะได้ความรักและความสามัคคีในครอบครัว แต่กลับต้องถูกทำร้ายอย่างต่อเนื่องจนถึงแก่ชีวิตเมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง นางกลับมาสู่วันที่เปลี่ยนโชคชะตาของนาง หยุนม่านชิงไม่ยอมอดทนอีกต่อไป นางค่อยๆ เผยโฉมหน้าที่แท้จริงของลูกสาวปลอม ไม่ได้ต้องการความรักที่เป็นเพียงภาพลวงอีก และได้เรียกคืนทุกสิ่งที่เป็นของนางทีละนิดเมื่อนางตัดสินใจที่จะตัดขาดจากจวนท่านโหวอย่างสิ้นเชิง คนทั้งจวนกลับคุกเข่าขอร้องไม่ให้นางจากไป!
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
ทั้งเมืองรู้กันดีว่า หลังจากที่ลู่ซิงหลานถูกเปิดเผยว่าเป็นลูกสาวปลอม เธอก็ถูกสามีขับไล่ออกจากชีวิต พ่อแม่ก็ทอดทิ้ง พี่ชายก็รังเกียจ ครอบครัวของสามีตัดสินใจไล่เธอออกจากบ้านอย่างเด็ดขาด แต่ใครจะคิดว่าเธอกลับไปพึ่งพา ลี่จิ่งเหยียน ผู้ทรงอิทธิพลในวงการแทนในทันที ขณะที่ทุกคนรอให้ลี่จิ่งเหยียนถีบลู่ซิงหลานออกไปนั้น ลู่ซิงหลานก็เริ่มเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงอย่างใจเย็น มันมีแต่เรื่องที่ทำให้ประหลาดใจเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือบรรดาผู้ทรงอิทธิพลต้องคุกเข่าต่อหน้าเธอเป็นแถว สามีเก่าที่เป็นคนไม่ดีอยากกลับมาง้อขอคืนดี ลู่ซิงหลานก็จัดการเขาทิ้งทันที และกลับยิ้มให้สามีใหม่แล้วพูดว่า "ที่รัก คุณสามารถพึ่งพาฉันได้นะ" ใครจะคิดว่าลี่จิ่งเหยียนเองก็เป็น ผู้ทรงอิทธิพลไม่เบา พร้อมยิ้มแย้ม "แต่ที่รัก ผมอยากครองใจคุณมากกว่า" องค์กรระหว่างประเทศเพิ่งเผชิญกับสามเหตุการณ์สำคัญ หนึ่งคือการที่ลู่ซิงหลานหย่าร้าง สองคือการที่ลี่จิ่งเหยียนแต่งงาน และสามคือคู่รักที่มีตัวตนลับมากมายที่แกล้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อหลอกลวง ทั้งสองสมคบคิด ทำอะไรไม่ดี
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด