CEO,เมียเก็บ,การเบรรยายแบบมัลติเธรด,สัญญารัก,โรแมนติก,นิยายอีโรติก,ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ซับซ้อน,การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก
CEO,เมียเก็บ,การเบรรยายแบบมัลติเธรด,สัญญารัก,โรแมนติก,นิยายอีโรติก,ความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ซับซ้อน,การมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรก
เจคอป บาร์ตัน หรือ อีกนามสกุลของเขาก็คือ สิริพัฒน์พนา ขมวดคิ้วยุ่งเมื่อคุยธุระสำคัญจบลง ใบหน้าหล่อเหลายุ่งเหยิงมีแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด ปัญหาที่เขาจะต้องเผชิญในคราวนี้มันหนักหนาสาหัสเอาการอยู่ และการจะต้องกลับไปอยู่ในดงอสรพิษนั้นมันไม่ง่ายและไม่อาจจะไว้ใจใครได้เลย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะเขาคิดว่าสามารถรับมือกับพวกญาติๆ ผู้หิวโหยเหมือนเปรตเดินดินได้อยู่แล้ว
แต่สิ่งที่เจคอปเป็นห่วงก็คือ ยายจำปูน ผู้เป็นยายแท้ๆ ของเขาซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในสภาวะที่เรียกว่าเป็นตายเท่ากัน
“คุณ.. คุณตำรวจ.. คุ้นนนน”
“อะไรของเธอนี่ยายบ๊องเรียกเสียงดังเชียว เสียงแหลมอย่างกะนกหวีดขี้หูฉันเต้นระบำแล้วมั้ง”
เจคอปหันไปทำเสียงขุ่นๆ ใส่หญิงสาวหน้าแฉล้มที่มีอันต้องมาเกี่ยวข้องกันโดยไม่ตั้งใจ
“ก็ฉันเรียกคุณตั้งนานแล้วคุณไม่หือไม่อือ เหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์รักอันแสนหวาน ฝันหวานอยู่รึไง” ยอดนรียิ้มเผล่ล้อเลียน
“ไม่รู้อะไรก็อย่าเดามั่วๆ ฉันไม่ได้คิดถึงใครทั้งนั้นล่ะ กำลังเครียดๆ ว่าแต่เธอเถอะทำงานที่ฉันสั่งเสร็จแล้วเหรอ”
“เรียบร้อยแล้วค้าบบบบ เจ้านายยยย มีไรจะใช้ไอ้ยอดอีกไหมครับทั่นนน..”
ยอดนรีทำท่าทะเล้นจนเจคอปอดหัวเราะกับท่าทางของเธอและพลอยหายเครียดไปได้บ้าง
“ไม่มีแล้วเธอไปพักเถอะฉันจะทำงานต่อสักหน่อย”
“คุณลาออกแล้วยังมีงานต้องทำอีกหรือ”
“มีสิ เยอะแยะเลย..”
เจคอปหันหน้าไปมองสวนหย่อมเล็กๆ ที่มันแทบจะแห้งเฉาตายเพราะขาดการดูแลเอาใจใส่ แต่บัดนี้สวนที่แห้งแล้งกำลังเขียวขจีชุ่มฉ่ำและมีสีสันของดอกไม้ต่างๆ ที่ยอดนรีหามาปลูก ทำให้บ้านหลังเล็กที่เหมือนบ้านร้าง บ้านผีสิงค่อยเป็นบ้านขึ้นมาหน่อย
“งั้นยอดไปพักแล้วนะ ทีมีเวลาให้ใช้แล้วไม่ใช้ เวลาพักผ่อนอย่าเรียกใช้เชียวนะ”
“นี่แม่คุณ ตกลงใครเป็นเจ้านายใครเป็นลูกน้องกัน”
“แหะๆ ยอดล้อเล่นน่า ทำซีเรียสเป็นตาแก่ไปได้ มีไรก็เรียกยอดนะคะ ไปล่ะ”
ว่าแล้วร่างระหงก็เดินตัวปลิวฮัมเพลงจากไป และคงไปขลุกอยู่ตรงไหนสักที่ในบ้านพร้อมกับหนังสือเล่มโปรดสักเล่มนั่นล่ะ เขาก็เพิ่งเคยเห็นผู้หญิงที่ชอบอ่านหนังสือและขลุกอยู่ในห้องสมุดและกองหนังสือมากมายได้ทั้งวันก็ตอนนี้ล่ะ
เจคอปละความสนใจจากยอดนรีชั่วครู่เมื่อมีสายเรียกเข้าจากเพื่อนรัก ชายหนุ่มรับสายทันที
“เป็นไงบ้างไอ้เจค” พยัคฆ์ถามอย่างห่วงใย
“งานหนักอยู่ว่ะ”
“แล้วอยากให้ช่วยอะไรมั้ย”
“ช่วยเป็นหน้าม้าให้หน่อย อยากได้ข่าวฉาว”
“เอาจริงดิ..” พยัคฆ์ทำเสียงกลั้วหัวเราะในลำคอ
“เออ.. จัดมา”
“ได้ตามคำขอเพื่อน ว่าแต่นายตัดสินใจดีแล้วใช่ไหม”
“ลาออกแล้วพร้อมทั้งชกหน้าผู้บังคับบัญชาไปสองที”
“เฮ้ย.. เจ๋งว่ะ แสดงเก่งพอกัน”
“จัดข่าวใหญ่ให้ด้วย ฉันจะไปสะสางปัญหาคาราคาซังซะที”
“โอเคเลยเพื่อน.. งั้นแค่นี้นะ เตรียมรับข่าวร้ายข่าวฉาวได้เลย”
เจคอปถอนหายใจหนักๆ มองทั้งฟ้ากว้างไกลด้วยความหนักอึ้งในอก ตอนนี้ขอเวลาตั้งหลักสักนิด แล้วรับรองว่าคนที่มันบังอาจทำร้ายหัวใจของเขาจะต้องได้รับบทเรียนอย่างสาสม..
“รอผมก่อนนะครับคุณยาย อย่าเพิ่งเป็นอะไร อยู่รอผม อยู่กับผมไปอีหลายๆ ปีนะครับ”
เหมือนเขารำพึงฝากสายลมไปหาผู้เป็นยายซึ่งเป็นบุคคลที่เขารักมากที่สุด มากเท่าชีวิตเพราะหลังจากที่แม่ของเขาเสียชีวิต ก็มีเพียงยายเท่านั้นที่ดูแลเขามาตลอด ทั้งยังข้ามน้ำข้ามทะเลไปอยู่ดูแลเขาที่อิตาลีด้วย ทุกคนในครอบครัวบาร์ตันรักคุณยาย พ่อของเขานั้นยิ่งเทิดทูนคุณยายมาก หากท่านยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะทำเหมือนที่เขากำลังจะทำ เจคอปคิดถึงพ่อแม่ของตนที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้เมื่อสามปีที่แล้ว
“ใครที่มันทำร้ายคุณยายผมจะไม่ไว้ชีวิตมันแน่..”
แววตาชายหนุ่มกร้าวขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาตึงจัดเมื่อนึกถึงภาพของคุณยายจำปูนที่นอนอยู่ในห้องไอซียูและยังไม่ได้สติ หากเขาไม่ติดงานสำคัญจนต้องกลับมาจัดการที่กรุงเทพฯ เขาก็คงจะได้อยู่เฝ้ารอท่านฟื้นขึ้นมา แต่อีกไม่เกิน 48 ชั่วโมงเขาจะต้องกลับไปที่นั่นอีกแน่นอน
เกาะจำปูน เกาะแสนสวยที่ญาติๆ ทางแม่เขาอยากได้นักหนา และเขาเชื่อว่า หนึ่งในบรรดาญาติๆ ของแม่คือคนที่ทำร้ายคุณยายแน่นอน...
เจ้าสาวคาวโลกีย์สำหรับเขา เพราะหวงชีวิตหนุ่มโสดที่ยังใช้ไม่คุ้ม เพราะไม่ต้องการแต่งงานตามคำสั่งของมารดาที่ทั้งเจ้ายศเจ้าอย่างและจุ้นจ้านวุ่นวาย ทำให้เขาต้องหาไม้กันหมาที่ต้องแสบแซบเร้าใจเพื่อคานอำนาจของมารดา...สำหรับเธอ มีเงินท่วมหัว ไม่ต้องมีผัวก็ได้ จึงต้องมารับอาชีพไม้กันหมาให้ชายหนุ่ม แต่เมื่อหลวมตัวรับงานนี้ ณดา ก็แทบมอดไหม้ด้วยไฟเสน่หาอันร้อนแรง
เขาหล่อเขาร้ายและร้อนแรงดังเปลวเพลิงที่พร้อมจะละลายน้ำแข็งอย่างเธอ ให้เดือดพล่านด้วยไฟเสน่หา.. ++++++++++ “คนบ้าปล่อยนะ พี่แสน อ๊ายย” หญิงสาวหวีดร้องเสียงหลงเมื่อภาสกรก้มลงหอมแก้มใสหนักๆ อย่างมันเขี้ยวและอยากแกล้ง “แก้มน้ำแข็งหอมจัง” “พี่แสนคนบ้า รังแกน้ำแข็ง คอยดูนะน้ำแข็งจะฟ้องพี่ธาร” หญิงสาวหน้าแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอาย “ฟ้องไอ้ธารคนเดียวเหรอ ฟ้องคุณอาด้วยสิ และฟ้องให้หมดด้วยนะว่าพี่ทำอะไรบ้าง” “พี่แสนจะทำอะไร ว้าย.. ปล่อยนะ คนบ้า พี่แสน กรี๊ดดด..” ทิพย์ธาราหวีดร้องเสียงหลงเมื่อตกอยู่ในวงแขนที่รัดแน่นของเขาแล้วทิพย์ธาราก็รู้ได้ทันทีว่าตนตกเป็นรองเขาหญิงสาวดิ้นเร่าอย่างโมโหฉุนเฉียวเกรี้ยวกราด ความเยือกเย็นที่มีก่อนหน้าหายไปสิ้น เพราะเมื่อปะทะกับเขาทีไรเธอก็มักจะเป็นเช่นนี้และไม่สามารถควบคุมตัวเองให้สงบเยือกเย็นได้นานเลยสักครั้ง
“นอน.. นอนบนเตียงเดียวกันนี่นะ” ธีธัชไม่ตอบแต่พยักหน้ารับช้าๆ “แล้ว.. แล้วทำไมคุณไม่ใส่เสื้อล่ะ” ใบหน้านวลแดงก่ำมองเขาอย่างระแวง ธีธัชซ่อนยิ้มในหน้า “ก็เพราะว่า... เธอเป็นคนถอดน่ะสิ” “เหลวใหล..” วีรนุชตาเหลือกไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “นอกจากเธอจะเป็นคนที่ถอดเสื้อผ้าฉันแล้ว เธอก็ยังกอดฉันไว้ทั้งคืนอีกด้วย ยังไม่พอ เธอยัง..” “พอๆๆ ไม่ต้องพูด ไม่อยากฟัง ถอยออกไปเลย” หญิงสาวหลับตาลงพร้อมทั้งปิดหูทั้งสองข้าง ใบหน้าแดงก่ำ ธีธัชหัวเราะชอบใจ แต่ไม่อยากแกล้งให้เธออายมากไปกว่านี้จึงลุกขึ้นแต่โดยดี และเมื่อร่างสูงใหญ่ลุกไปยืนข้างเตียง วีรนุชก็ต้องรีบปิดหน้าหวีดร้องออกมาอีกรอบเมื่อเขารั้งเอาผ้าห่มไปด้วย และเธอก็พบว่า ตัวเองก็เปลือยเปล่าไม่แพ้กัน “กรี๊ดดดด คนบ้า คุณทำอะไรฉันเนี่ย..” และเธอก็ได้ยินเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจของเขาดังเข้าหูมาให้ได้อับอาย “อยากฟังไหมล่ะว่าเมื่อคืนเราทำอะไรกันบ้าง” “ไม่ ไม่ฟัง.. คนบ้า อ๊ายยยย... เอาผ้าห่มคืนมานะ ว้ายยยยย...” วีรนุชกรีดร้องออกมาเมื่อธีธัชกระชากผ้าห่มที่เธอใช้คลุมร่างกายอยู่ออกไปเหมือนแกล้ง... ส่วนคนที่แกล้งจนเธอได้อายนั้นก็หัวเราะชอบอกชอบใจ
เพื่อจัดการกับคนไข้ที่แสนเอาแต่ใจและดื้อรั้น เธอจึงต้องงัดกลยุทธ์ต่างๆ ออกมาใช้ เพื่อปราบคนดื้อรั้น แต่ ไปๆ มาๆ กลายเป็นว่าเธอกับเขากลายเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไร
“บูมถามจริงๆ เถอะค่ะ บูมทำอะไรให้พี่เกลียดนักหนาหรือคะถึงได้ทำกับบูมเหมือนบูมไม่มีหัวใจไร้ค่าขนาดนี้ ทำไมพี่วีไม่ปล่อยบูมไปล่ะคะถ้าเกลียดบูมนัก...” เมื่อตัดสินใจว่าจะเข้มแข็ง จะเด็ดเดี่ยวแล้วบุษกรจึงถามออกไปแม้ในใจจะอ่อนแอเหลือเกิน และกลัวว่าคำตอบจากเขาจะทำให้หัวใจเธอสลายก็ตาม “ตอนนี้ฉันยังไม่เบื่อ ยังอยากได้เธออยู่อยากได้มีคนมาสนองความใคร่อยู่เธอก็ต้องอยู่ในฐานะนางบำเรอของฉันต่อไปจนกว่าฉันจะแต่งงานกับคนที่ฉันรัก...” คำตอบจากเขาเหมือนมีดกรีดลงบนหัวใจบางๆ ของเธอ แม้จะทำใจไว้แล้วว่าจะต้องเจอกับคำตอบที่ไม่รื่นหูและอาจจะทำร้ายจิตใจอย่างแน่นอนแต่บุษกรก็อดที่จะยอกแสลงในอกไม่ได้ นาวีช่างเป็นดั่งพญามารที่ใจร้ายใจดำเสียเหลือเกิน
ความเกลียดชิงชังทำให้เขาทิ้งให้เธออยู่ในสถานะ เมียในนาม แต่เมื่อเธอต้องการหย่าขาดจากเขา ชายหนุ่มผู้หยิ่งผยองเช่นเขากลับต้องการกักขังเธอไว้ตลอดไปและหลอกล่อเธอด้วยเพลิงสวาทร้ายที่เร่าร้อนเกินห้ามใจ...
เพราะว่า...การช่วยตัวเอง...ในที่ทำงานมันผิด!! “โดนของจริงดีกว่าไหมครับ...แค่นิ้ว...มันคงไม่อาจจะสนองความต้องการของคุณได้” นี่จึงเป็นบทลงโทษที่เธอต้องรับมันไป...โทษฐานที่ทำให้ท่านประธานอย่างเขาจับได้...!!
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เธอเฉิ่ม เธอเชย และเธอเป็นเลขาของเขา หน้าที่ของเธอคือเลขาหน้าห้อง แต่หลังจากความผิดพลาดในค่ำคืนนั้นเกิดขึ้น สถานะของเธอก็เปลี่ยนไปจากเดิม จากเลขาหน้าห้อง กลับกลายเป็นเลขาบนเตียงแทน... “เวลาทำงาน คุณก็เป็นเลขาหน้าห้องของผม แต่ถ้าผมเหงา คุณก็ต้องทำหน้าที่เลขาบนเตียง...” “บอส...?!” “ผมรู้ว่าคุณตกใจ ผมเองก็ตกใจเหมือนกันกับสถานะของพวกเรา แต่มันเกิดขึ้นแล้ว จะทำยังไงได้ล่ะ” “บอสคะ...” หล่อนขยับตัวพยายามจะออกจากอ้อมแขนของเขา แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย “ว่าไงครับ” “แก้ว... แก้วว่าให้แก้วทำเหมือนเดิมดีกว่าค่ะ หรือไม่ก็ให้แก้วลาออกไป...” “ผมให้คุณลาออกไม่ได้หรอก คุณเป็นเลขาที่รู้ใจผมที่สุด อย่าลืมสิแก้ว” “แต่แก้ว...” หล่อนอยู่ในฐานะนางบำเรอของเขาไม่ได้ หล่อนทะเยอทะยานต้องการมากกว่านั้น แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีวันจะได้สิ่งที่หวังมาครอบครอง “ทำตามที่ผมบอก ไม่มีอะไรยากเย็นเลย”
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY