..ตรงไหนก็ต้องได้ ถ้าเราจะเอา ! ..
..ตรงไหนก็ต้องได้ ถ้าเราจะเอา ! ..
รถจักรยานยนต์สีดำแล่นช้า ๆ เข้ามาในซอย มีเด็กหนุ่มเป็นผู้ขับ เด็กสาวเป็นผู้ซ้อน ทั้งคู่สวมชุดมัธยมปลาย ก่อนที่รถจะค่อย ๆ จอดที่หน้าบ้านแบบทาวเฮ้าส์สองชั้น
ผู้ซ้อนลงจากรถแล้วถอดหมวกกันน็อคยื่นให้ผู้ขับ เผยให้เห็นใบหน้าใสไร้เครื่องประทินผิวใด ตากลมโตขนตางอนเป็นแพ จมูกไม่ได้โด่งเชิดมากแต่ก็เล็กยาว รับกับปากอวบอิ่มที่มีรอยยิ้มอยู่เสมอ เธอไม่ได้สะสวยโดดเด่น แต่ก็มองดูสบายตาน่ารักสมวัย ยิ่งอยู่ภายใต้ทรงผมสั้นถูกระเบียบ เธอยิ่งดูไร้เดียงสา ผู้ขับรับหมวกกันน็อคไปแขวนไว้ที่กระจก ก่อนจะปลดของตนออกไปแขวนที่ข้างหนึ่ง เผยให้เห็นเครื่องหน้าเหมาะเจาะอย่างที่บุรุษเพศพึงมี ภายใต้กรอบใบหน้ายาว คิ้วเข้มพาดขวางอยู่บนดวงตาคมกริบ มีแววหวานออดอ้อนระคนซุกซนอยู่ในนั้น จมูกโด่งเป็นสันยาว ริมฝีปากหยักโค้งได้รูปยกขึ้นยิ้ม ยิ่งทำให้ใบหน้าคมสันนั้นมีเสน่ห์เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว เขาใช้สายตาหวานจ้องมองมาที่เธอก่อนเอ่ยออดอ้อน “ ขอเค้าเข้าไปส่งตัวเองข้างในได้ไหม ตัวเองป่วย เค้าเป็นห่วง นะคะ คนดี ” เล่นเอาคนถูกอ้อนหน้าแดงหูแดงไปหมด
ฉันชื่อ ส้ม เป็นเด็กสาวคนนั้น ส่วนคนขับชื่อ สิงห์ เราทั้งคู่คบหากันเป็นแฟนได้ร่วมปีแล้ว
“ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวพ่อกลับมาเห็นโดนด่าเปิงแน่ ตัวเองกลับไปก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยเจอกันที่โรงเรียน ” ฉันปฏิเสธ ก่อนหันมาไขกุญแจประตูบ้าน แต่เขาไม่ฟัง เขาลงจากรถแล้วเดินมายืนด้านหลัง ยกมือทั้งสองขึ้นคร่อมตัวฉันไว้ สิงห์สูง ร้อยแปดสิบสี่ แถมยังเล่นกีฬาอยู่เสมอ เลยทำให้เขาทั้งสูงใหญ่กำยำ ส่วนฉันแค่ร้อยห้าสิบห้า เมื่อโดนเขาคร่อมแบบนั้นเลย ทำให้ดูเหมือนว่าฉันตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาอยู่กลาย ๆ สิงห์ก้มหน้าลงมาใกล้พร้อมออดอ้อนข้างหู
“ พ่อตัวเองกว่าจะกลับก็ค่ำ นี่มันพึ่งสี่โมงเย็นเอง ขอเค้าเข้าไปแป๊บเดียวนะ สิบนาที นะ นะ ”
ด้วยความที่ใกล้ขนาดนั้นเลยทำให้ลมหายใจของเขากระทบกับผิวเนื้อ มันทำให้ใจฉันเต้นแรงขึ้น มือที่ไขกุญแจอยู่สั่นเทา กว่าจะไขได้ต้องรวบรวมสมาธิมากโข ในที่สุดมันก็เปิดออก ฉันรีบพุ่งเข้าบ้าน สิงห์ก็เช่นกัน
“ สิงห์ ” ฉันเรียกอย่างเหนื่อยอ่อนกับความดื้อรั้นของเขา
“ จ๋า ” ตอบรับมาพร้อมยิ้มตาหยีอย่างยียวน
“ แค่สิบนาทีนะ ”
“ เย้ ” ส่งเสียงดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่น ฉันอมยิ้ม ก่อนจะไขเปิดประตูบ้านแล้วเดินเข้าไป เขาเดินตามต้อย ๆ
“ นั่งก่อนสิ ” ฉันผายมือไปยังโซฟาในห้องรับแขก
“ นั่งเยอะแล้ว นอนได้ป่ะ ” คนทะเล้นส่งเสียงมายียวน
“ ก็เอาดิ ”
“ เอาได้เหรอ ”
“ ไอ้บ้า ทะลึ่ง ”
“ ทะลึ่งอะไร เอา ก็หมายถึง นอน นี่ไง ตัวเองนั่นแหละ คิดอะไรอยู่ ใครทะลึ่งกันแน่ ”
“ ไม่อยากเถียงด้วยหรอก เพราะไม่เคยชนะ ไม่มีอะไรในตู้เย็นเลย มีแต่แอปเปิ้ล ตัวเองกินไหม เดี๋ยวเค้าปอกให้ ”
“ ไม่อะ เค้าไม่อยากกินแอปเปิ้ล ” สิงห์ตอบพลางลุกเดิน มาหาฉันที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เลยถามกลับไปอย่างพาซื่อ
“ ทำไมล่ะ ไม่ชอบเหรอ ”
“ เค้าอยากกินส้มมากกว่า ”
สิงห์ตอบพร้อมส่งยื่นจมูกเข้ามาเฉียดแก้ม ฉันรีบเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินหนีมานั่งที่โซฟา คนเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่มก่อนเดินตามเข้ามานั่งเสียจนติดกัน
“ ตัวเอง เขยิบออกไปอีกได้ไหม ” ฉันรีบบอก เมื่อรู้สึกว่ามันแนบชิดมากกว่าที่ควรเป็น และหัวใจของฉันมันก็เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกหน้าอก
แต่เขากลับไม่ได้ทำตามที่ขอ ทั้งยังเขยิบเข้ามาใกล้อีก ฉันขยับหนีแต่ก็จนมุมเพราะตอนนี้ตัวติดกับพนักโซฟาแล้ว
ใบหน้าหล่อเหลาคมสันที่มีสายตาแพรวพราวระยับก้มลงมาใกล้ จมูกโด่งกดลงบนแก้มนวล ฉันยกมือขึ้นผลักไสไหล่หนาให้ออกห่าง
“ ตัวเอง ไม่เอา ”
“ ทำไมล่ะ เราเป็นแฟนกันนะ ตัวเองไม่รักเค้าเหรอ ”
“ รักสิ แต่เค้าว่ามันไม่เหมาะสม ”
“ ไม่เหมาะยังไง เค้ารักตัวเองจะตาย ขอให้เค้าชื่นใจหน่อยนะคนดี นิดเดียวเอง นะ นะคะ ”
แขนแข็งแรงล้อมรัดฉันไว้จนหมดสิ้น เขากดจมูกลงบนซอกคอข้างหนึ่งแล้วซุกไซ้ไปทั่ว ฉันที่ไม่เคยผ่านมือชาย ไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้มาก่อน จึงได้แต่อ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนนั้น สติเตลิดจนกระทั่งไม่รู้ตัวว่าตอนนี้ตนเองอยู่ในท่านอนเหยียดยาวบนโซฟา โดยมีร่างสูงใหญ่ทาบทับอยู่เบื้องบน
สิงห์ค่อย ๆ พรมจูบลูบไล้ไปทั่วซอกคอ ก่อนเลื่อนมายังแก้มทั้งสองข้าง ประทับไปบนหน้าผาก เลื่อนลงมาที่จมูก แล้วกระซิบชิดริมฝีปากของฉัน
“ สิงห์รักส้มนะ รักคนเดียว และจะรักตลอดไป ส้มล่ะ รักสิงห์บ้างไหม ”ตาคมเป็นประกายฉ่ำหวานที่ประสานมายังสายตาฉัน มันช่างเว้าวอนออดอ้อนแสนหวาน ชั่วโมงนี้ นาทีนี้อะไรก็คงต้องให้หมด หมดแล้วทั้งหัวใจ
“ ส้มก็รักสิงห์ รักที่สุด ”
แล้วเขาก็ทาบปากลงบนกลีบปากของฉัน เม้มดูดมัน เบา ๆ จนถ้วนทั่ว ก่อนสัมผัสนั้นจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ ลิ้นร้อน จาบจ้วงเข้ามาในโพรงปากของฉัน ก่อนจะรุกเร้าซุกซนซอกซอนไปทั่ว ล้อไล่รัดรึงกับลิ้นน้อย ๆ ของฉัน
โปรย : " ขออีกครั้งได้ไหม " " หมายถึงโอกาสเหรอคะ " " ก็ โอกาสด้วย อย่างอื่นด้วย " เธอยิ้ม ขยับเข้าไปหาแล้วกระซิบข้างหูเขาเบา ๆ " อย่างอื่นนี่คืออะไรเหรอคะ " ลมหายใจอุ่น ๆ เป่าลงที่ซอกคอ และเธอตั้งใจแตะริมฝีปากให้ถากบนใบหูของเขา เพียงเท่านั้นเลือดหนุ่มก็เดือดพล่านเหลือเกินแล้ว " พูดได้เหรอ " " ถ้าไม่อยากพูด ทำเลยก็ได้ " ++++++++++++ มาเซ้ นางเอกเราสู้คนค่ะคุณขา หมายเหตุ : แมธธิว พระเอกของเรื่องนี้ เป็นตัวละครหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทจากเรื่อง คุณแสนร้าย , น้องนุ่ง , เล่ห์ร้อน ทุกเรื่องจะมีตัวละครทั้งสี่ปรากฏในเรื่อง แต่เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวข้อง สามารถอ่านแยกกันได้ แต่ถ้าจะให้ม่วนจอยครบสูตรก็ฝากทั้งสี่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ++++++++++++++++++++++++ 4 เรื่อง 4 รส 4 หนุ่ม ดังนี้ 1. คุณแสนร้าย (แสนสราญ + หนึ่งฤทัย) 2. ขออีกครั้ง (แมธธิว + พราวด์ ) 3. น้องนุ่ง (เอกบุรุษ + เขมิรา) 4. เล่ห์ร้อน (เขมมะ + ขนม)
เธอไม่ได้ชอบเบา ๆ หรอก ฉันรู้ดี... โปรย : จากเด็กในบ้านที่มีสัมพันธ์กันลับ ๆ วันหนึ่งเธอตัดสินใจโบยบินไปจากอ้อมอก ตอนนั้นเขาพึ่งรู้หัวใจตัวเอง เขาหวง เขาหึง เขาคิดถึง เขาคลั่งแทบบ้า และจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เธอคืนมา ! ตัวอย่าง : " คุณแสนมีธุระอะไรคะ " ใบหน้าหล่อเหลาที่เรียบเฉยยกยิ้มมุมปากทันทีที่ได้ยินคำถามนั้น " พูดจาดูห่างเหินจังนะ " " คุณทราบได้ยังไงคะว่าหนึ่งอยู่ที่นี่ " " ก็แค่บังเอิญผ่านมา " " บังเอิญแน่เหรอคะ " " แน่สิ ทำไมล่ะ ที่นี่มันร้านกาแฟที่ลูกค้าที่ไหนจะมาซื้อก็ได้ทั้งนั้น รวมถึงฉันด้วย " " หนึ่งจะปิดร้านแล้วค่ะ " " ใจดำจังนะ ออกมาไม่บอกไม่กล่าว รีบอะไรขนาดนั้น " คราวนี้เธอเงียบ เขาจึงยิงคำถามต่อ " เห็นน้าละมุนบอกว่าวันที่ขนของมีหนุ่มไปรับ " คำพูดนั้นทำให้เธอเชิดหน้าขึ้น " ค่ะ แฟนหนึ่งเอง หนึ่งย้ายมาอยู่กับเขาที่นี่ " เธอเน้นย้ำคำว่า ที่นี่ ให้เขาได้ยินชัด ๆ เขานิ่งไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มออกมา " แต่ตอนนี้ร้านดูเงียบ ๆ แฟนไม่อยู่เหรอ " " คุณแสนจะสั่งอะไรไหมคะ ถ้าไม่สั่งหนึ่งขออนุญาตเชิญกลับ เพราะหนึ่งต้องปิดร้าน " " นี่เป็นแม่ค้ายังไงจะไล่ลูกค้าออกจากร้าน ใจร้ายจังนะ " เธอยืนจ้องเขาเขม็ง คิ้วได้รูปขมวดนิด ๆ อย่างหงุดหงิด แสนสราญนึกสนุกที่ได้เห็นท่าทีแข็งกร้าวต่อต้าน และคนสันดานเสียอย่างเขาก็ชอบที่จะเอาชนะเสียด้วยสิ " อยากได้เครื่องดื่ม " " รับอะไรดีคะ " " นมสด " " นมสดไม่มีค่ะ เมนูตามนี้เลย " เธอผายมือไปยังป้ายเมนูไม้แบบมินิมอลน่ารักที่มีรายชื่อเครื่องดื่มอยู่บนนั้น แต่เขาไม่ได้มองตามไปที่นั่น สายตากรุ้มกริ่มจ้องอยู่ที่อกอวบ แม้มีเสื้อยืดสีขาวสกรีนชื่อร้านห่อหุ้มอีกทั้งผ้ากันเปื้อนทับอีกชั้น แต่เธอก็ยังรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่เกิดขึ้นภายในทรวงเพียงถูกเขาจ้อง " มีสิ เต็มปากเต็มคำดีเสียด้วย " หมายเหตุ : คุณแสน พระเอกของเรื่องนี้ เป็นตัวละครหนึ่งในกลุ่มเพื่อนสนิทจากเรื่อง ขออีกครั้ง , น้องนุ่ง , เล่ห์ร้อน ทุกเรื่องจะมีตัวละครทั้งสี่ปรากฏในเรื่อง แต่เนื้อเรื่องไม่เกี่ยวข้อง สามารถอ่านแยกกันได้ แต่ถ้าจะให้ม่วนจอยครบสูตรก็ฝากทั้งสี่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ ++++++++++++++++++++++++ 4 เรื่อง 4 รส 4 หนุ่ม ดังนี้ 1. คุณแสนร้าย (แสนสราญ + หนึ่งฤทัย) 2. ขออีกครั้ง (แมธธิว + พราวด์ ) 3. น้องนุ่ง (เอกบุรุษ + เขมิรา) 4. เล่ห์ร้อน (เขมมะ + ขนม)
" ผมใหญ่ครับ " " ใหญ่นี่ ชื่อหรือสรรพคุณคะ " " ก็... ทั้งสองอย่างครับ " +++++++++++++++++++++++++++ " ผมอยากเอาคุณเป็นบ้าเลย " ดวงตาของมิถุนาเบิกกว้างเมื่อได้ยินประโยคนั้น ไม่คิดไม่ฝันว่าเขาจะพูดมันออกมาตรง ๆ อย่างไม่ให้เกียรติเธอแม้แต่นิด " ไอ้โรคจิต หยาบคาย ! " เธอผรุสวาทออกมาทั้งยังพยายามดิ้นรนผลักไสให้ตัวเองหลุดพ้นพันธนาการอันเป็นอ้อมแขนเหนียวแน่นนั้น และแน่นอนว่านอกจากไม่หลุดแล้วเขายังรัดเธอแน่นเข้าไปอีก " ปล่อยฉันนะ ! " " ก็คุณบอกให้ผมพูดเอง " " ใครจะไปรู้ว่าความคิดคุณจะทุเรศลามกขนาดนั้น " " มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ ธรรมชาติสร้างให้สัตว์เพศผู้เพศเมียสมสู่กันเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์ ความต้องการทางเพศมันเป็นเรื่องปกติ หรือว่าคุณไม่เคยมีมัน " " ฉันมีคู่หมั้นแล้วและไม่ได้อยากดำรงเผ่าพันธุ์อะไรกับคนแบบคุณ ! " เขาหัวเราะเบา ๆ ต่างกับเธอที่ตาเขียวปั้ด อยากจะยกมือขึ้นตะกายหน้าหล่อ ๆ นั่นแทบบ้า ไอ้คนไร้มารยาท ! " เราไม่ต้องดำรงเผ่าพันธุ์อะไรทั้งนั้น " เขาเริ่มบทสนทนาต่อก่อนโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูเธอเบา ๆ " แค่เอากันก็พอ " ++++++++++++++++++++++++++++++++++++ " ...แค่อยากจะมาทักทายคนคุ้นเคยเป็นการส่วนตัว " " ฉันไม่ใช่คนคุ้นเคยของนาย " " งั้นคุณเป็นคนคุ้นเคยของผมฝ่ายเดียวก็ได้ " " อย่ามากวนนะ ระวังจะโดนเอาคืน " " ก็เอาสิ จะเอาคืน เอาวัน หรือเอาทั้งวันทั้งคืนเลยก็ได้นะ ผมไม่ติด "
จะผิดไหม ถ้าอยากมีอะไรกับเพื่อนรัก เขาอยากสอดเสยลำใหญ่เข้าไปในกายเธอเหลือเกิน..เช่นเดียวกับเธอที่อยากให้เขาเข้ามาลึกๆ แรงๆ
พี่สาวครับ ตอนนี้ผมเป็นหนุ่มแล้วครับ ผมอยากกอด อยากหอม อยากจับ อยากเหลือเกินครับ อยากจะจับพี่ทำเมีย...
ถูกพ่อแท้ ๆ ขายให้กับชายแก่คราวพ่อเพื่อไปเป็น 'เมียน้อย' เธอไม่อยากเสียซิงให้ชายแก่คราวพ่อ จึงเลือกเสียมันให้กับหนุ่มหล่อที่ 'ขายตัว' แต่เธอดันตกใจจนหมดสติทั้งที่เขาเสียบเข้าไปได้แค่ส่วนหัว บ้าบอฉิบ ! เมื่อได้สติ ขวัญเอยอับอายเป็นอย่างมาก สบถสาบานเอาไว้ว่าจะไม่ทำอะไรไร้สติเช่นนี้อีกแล้ว และภาวนาอย่าได้พบได้เจอเขาอีกเลย แต่ดูเหมือนเทวดาไม่เป็นใจ เพราะหนุ่มเจนรักคนนั้น กลับกลายมาเป็นนักศึกษาในคลาสที่เธอสอน แถมบ้านอยู่ติดกับเธออีกด้วย เวรล่ะสิ !
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY