เรื่องราวเร่าร้อนมากมายหลากหลายรส ถูกมัดรวมเตรียมจัดเสิร์ฟให้กับคุณนักอ่านได้เสพสมความสุขได้อย่างเต็มที่ ใครชอบเรื่องสั้นแซ่บซี๊ดถึงทรวงบอกเลยไม่มีผิดหวังค่ะ
เรื่องราวเร่าร้อนมากมายหลากหลายรส ถูกมัดรวมเตรียมจัดเสิร์ฟให้กับคุณนักอ่านได้เสพสมความสุขได้อย่างเต็มที่ ใครชอบเรื่องสั้นแซ่บซี๊ดถึงทรวงบอกเลยไม่มีผิดหวังค่ะ
หมู่บ้านกาสะรัม
เรือนเเม่หมอฟารอง
ตึกตึก!
"มีเรื่องอีกเเล้วสินะ"
เเม่หมอ ฟารอง ผู้ซึ่งเป็นทายาทร่างทรงที่ได้สืบทอดมาจากยายได้ไม่นานพูดขึ้น เมื่อลูกศิษย์วิ่งขึ้นเรือนไม้มา
"เจ้าค่ะ มีชาวบ้านจากหมู่บ้านโรลบาร์มาขอร้องให้ช่วยเจ้าค่ะ"
"เรื่องอะไรล่ะ"
"เรื่องผีโพงเจ้าค่ะ ชาวบ้านบอกว่ามันออกก่อกวนลูกเด็กเล็กเเดงไม่เว้นวัน ออกหากินไฟสว่างไสวไม่กลัวผู้ใดเลยเจ้าค่ะ"
'"อ่า เข้าใจเเล้วบอกชาวบ้านว่าวันรุ่งขึ้นตอนค่ำๆข้าจะไปที่หมู่บ้าน เเต่คืนนี้ให้ชาวบ้านเอาซากไก่ตายไปไว้ที่ถ้ำท้ายหมู่บ้านก่อน"
"ได้เลยเจ้าค่ะ"
ว่าจบลูกศิษย์ก็รีบวิ่งเอาความไปแจ้งกับชาวบ้านที่ใต้ถุนบ้าน
"เฮ้อ มีเรื่องอีกเเล้วสินะหลานจะทำได้ดีใช่ไหมยาย"
ด้วยอายุที่ยังไม่มากเท่าไหร่ ทำให้ฟารองต้องละทิ้งช่วงเวลาสนุกมารับหน้าที่ ที่ใหญ่หลวงของตระกูล
"ว่าเเล้วก็ไปอาบน้ำสักหน่อยเเล้วกัน"
ว่าเเล้วเเม่หมอก็ทำการลุกขึ้นเข้าห้องนอนไปคว้าผ้าถุงเพื่อที่จะลงไปอาบน้ำที่คลอง ตอนนี้ก็เป็นช่วงพลบค่ำคนน่าจะเบาบางลงเเล้ว
ร่างของเเม่หมอเดินถือขันน้ำเเละผ้าถุงพาดเเขนเล็ก ผิวขาวของเเม่หมอใส่เเค่เพียงผ้านุ่งกระโจมอกเท่านั้น ยิ่งมองก็ยิ่งน่าหลงไหล สัดส่วนถือว่าชั้นดีเชียว ชายใดได้เห็นก็เป็นต้องตอลุกตอเเข็งกันบ้าง
จ๊อมม
"อ่าาส์ ชื่นใจจริงๆ"
ร่างของเเม่หมอเเหวกว่ายไปมาในน้ำที่ใสเเละเย็นสบายด้วยความเพลิดเพลินจนไม่ทันได้มองเห็นเด็กหนุ่มวัยเเรกรุ่นที่อยู่อีกฝั่งของคลอง
"อื้ออหือ! เเม่หมอฟารองสวยจริงๆ อ่าาส์~ทำไมปวดเเบบนี้วะ อึก!"
"อ่าาส์ อาบน้ำนานไปหรือเปล่านะ"
รู้ตัวอีกทีฟ้าที่สางก็เริ่มมืดครึ้มขึ้นไปทุกที จนเเม่หมอที่กำลังเพลิดเพลินกับเวลาผ่อนคลายต้องเตรียมตัวว่ายน้ำขึ้นฝั่ง
"เเม่หมอครับ!"
"หื้ม?"
ได้ยินเสียงเด็กหนุ่มลูกของป้าที่รู้จักกันเข้า เเม่หมอก็ขานขึ้น
"อ้าว ว่าไง พีมาร์ "
"เเม่หมอมาอาบน้ำหรอครับ"
"ใช่เเล้วล่ะ ว่าเเต่พีมาร์เถอะมาอาบน้ำตอนไหนรึ"
"ก็เมื่อครู่นี้เองครับ"
"อ้อ งั้นฉันขอตัวก่อนเเล้วกัน"
แม่หมอคนสวยรีบหันหลังแหวกว่ายน้ำไปที่ฝั่ง โดยที่ไม่รู้เลยว่าผ้าถุงเพียงผืนเดียวที่คาดอกนั้นหลุดออกจากร่างเเล้ว จนร่างของเเม่หมอถึงฝั่งก็ได้เห็นกับเรือนร่างที่เปลือย จนเด็กหนุ่มถึงกับกลืนน้ำลายทำตาโต
"อึกก!!"
ร่างเล็กขาวของเเม่หมอที่แผ่นหลังขาวจนสว่างสู้ความมืดได้อย่างชัดเจน ขาเเม่หมอก้าวขึ้นบันไดปรากฏเห็นเป็นก้นงามงอนเด้งไสวเห็นเเล้วน่าจับเลียเสียไม่มี เเต่เเล้วเเม่หมอก็รู้ตัวเสียก่อนรีบนั่งลงที่ขันบันไดให้มวลน้ำปิดร่างแทน
จ๊อมม!
"ว้ายยย!!!"
"อะ....เออ ผ้าอยู่นี้ครับ!!!"
พีมาร์รีบว่ายไปคว้าเข้ากับผ้าถุงที่ลอยอยู่ไม่ไกลตัวเข้าไปให้เเม่หมอทันที
"นะ....นี้ครับ"
"ขะ...ขอบใจนะ"
สายตาของเด็กหนุ่มจ้องที่ใบหน้าสวยของเเม่หมอไม่ละวาง จนฟารองตกหลุมดักของพีมาร์
"มองแบบนี้ ... เห็นเเล้วรึ"
"ครับ...เห็นหมดเเล้วจะเป็นอะไรไหมที่ผมจะชมพี่"
เเววตาที่เห็นเเล้วดูเหมือนคนที่กำลังต้องมนต์สะกดอย่างนั้นแหละ เห็นแล้วก็เสียวที่ร่องขึ้นมา
"ฉันก็ไม่เคยหรอกนะ...เเต่จะลองเลียหน่อยไหมล่ะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าสัมผัสของมันจะดีสักเเค่ไหนเชียว"
"พะ...พี่พูดจริงนะ!!"
"จริงสิ ตรงนี้เลยไหมล่ะ"
เธอจัดเเจงเอาผ้าถุงที่เปียกน้ำขึ้นไปไว้ที่ท่าน้ำ ขยับก้นขึ้นไปนั่งจนโคกสวาทที่มีขนเรียงตัวกันเป็นเเนวหนาเผยออก
กลีบกุหลาบสีชมพูอ่อนที่แบ่งข้างพอดิบพอดี อ้าแหกอีกหน่อยก็เจอเข้ากับเม็ดเสียวสีหวานที่เต้นตุบตับ
"อืออ ของเเม่หมอฟารองนี้ดีจริงๆเลยนะครับ เเถมนมก็สวย"
"อื้มม~ ซี๊ดด"
มือของเด็กหนุ่มถือดีคว้าเข้าที่เต้าใหญ่ที่ปลายยอดดอกมีสีชมพูของเเม่หมอทันที จนเเม่หมอครางขึ้น
"เร็วๆสิพีมาร์ เดี๋ยวมีคนมาเห็น"
"ครับ อื้มม"
จ๊วบบ!!
"อะ....อ๊ะ!! โอ๊ย! เสียว อุ้ย! ตรงนั้นมัน...อึกก!"
ลิ้นร้อนของเด็กหนุ่มละเลงไปมาที่เม็ดเสียวอย่างหื่นกระหาย มือก็ถือดีขึ้นไปบีบขยำที่เต้าใหญ่ จนเนื้อขาวเนียนทะลักหง่ามมือออกมา นิ้วโป้งเเละนิ้วชี้ก็ทำหน้าที่บี้ที่หัวจุกอย่างเเรงเเละผ่อนลง จนความเสียวมันเเทบจะทะลัก
"อ๊าาา! อื้ออ เสียวพีมาร์ พี่เสียวไม่ไหวเเล้ว อึ๊!"
เอวหวานร่อนขึ้นลงอย่างชำนาญเพราะความเสียวที่ร่องหลืบ ได้โอกาสขนหนาหลุดเข้าปากของเด็กหนุ่มพอดี ทำให้ฟารองพอมีเวลาหายใจหายคอ
"อื้ออ ดูดนมให้พี่หน่อยสิ ได้ไหม"
"ได้สิครับ จ๊วบ!!"
จุ๊บบ!!.
"โอ๊ยย! เสียว อื้ออ แบบนั้นแหละ อื้ออ~"
"อื้มม อือ"
ลิ้นร้อนตวัดเขี่ยที่ปลายจุกซ้ำเเล้วซ้ำเล่า เเล้วก็ออกเเรงดูดจนขึ้นเป็นปานสีเเดงที่รอบอกบางๆ จนมือของฟารองต้องผลักหน้าของเด็กหนุ่มออก
"อื้ออ พอได้เเล้วพี่เสียว~"
"พี่ผมเอาพี่ได้ไหม"
เเววตาของเด็กหนุ่มที่มองเธอนั้นช่างออดอ้อนเหมือนกับเด็กน้อยที่กำลังขอสิ่งที่อยากได้
"ไม่ได้หรอก พี่ห้ามมีอะไรกับผู้ชายน่ะ"
"งั้น...หรอ"
เด็กหนุ่มถึงกับทำหน้าเศร้าเมื่อรู้คำตอบ
"เเต่เมื่อผ่านพิธีเริ่มเเรกไปได้ 3 เดือนพี่ก็สามารถใช้ชีวิตตามปรกติได้เเล้ว"
"จริงหรอ!!"
เด็กหนุ่มดีใจประหนึ่งได้เป็นเเฟนหนุ่มของเธอ
"จะเอาพี่น่ะ เลียเสร็จหรือเปล่า"
"ถ้าในระยะเวลา 3 เดือนผมเเค่เลียเเละไม่ล่วงเกินพี่ พี่จะว่าไงล่ะ"
"คิคิ งั้นพีมาร์คงเป็นคนเเรกของพี่"
"พี่พูดเเล้วนะ!!!"
จ๊วบบบ! จุ๊บ
"อะ...โอ๊ยย! ใจเย็น เย็น โอ๊ย!"
ปากของพีมาร์ทาบลงที่กลางร่องเนื้อของฟารองอย่างจัง ลิ้นร้อนทำการตวัดเขี่ยที่ปลายเม็ดเสียวด้วยความเร็วเเละเเรงดูดทีทำให้เม็ดนั้นสั่นไหวขึ้นมา ขาเรียวถึงกับสั่นระริก
ลิ้นร้อนเขี่ยเลียไปมาที่ร่องของเธอกลีบฟูทั้งสองที่มีขนหนาเรียงตัวก็เเบะเเยกออกจากกัน เห็นเป็นเม็ดเสียวชี้เด่ ได้โอกาส มือของพีมาร์ก็จับกลีบเนื้อเเบะออก เห็นเป็นเม็ดเสียวชัดเจน ลิ้นร้อนตวัดเขี่ยเเละบี้สั่นระริกที่ปลายเม็ด ไม่นานร่างของฟารองก็กระตุกเด้าขึ้นลงกระทบกับน้ำดัง
จ๊อม! จ๊อม!
"อะ....โอ้ยย!! พะ...พอเเล้วพี่ไม่ไหวเเล้ว!! อึกก"
"อื้มมม! อ่าาส์~"
เสร็จสิ้นภารกิจลิ้นร้อนของเด็กหนุ่มก็ยอมละออกมา
"พี่ห้ามผิดคำสัญญาล่ะ เรื่องที่จะให้ผมเป็นคนเเรกอ่ะ"
"หึ เเน่นอนอย่าขาดเลียก็เเล้วกัน"
"จะรอพี่ทุกวันครับ ^^ "
ไม่คิดเลยว่าความสุขเวลาโดนกระทำมันจะดีขนาดนี้ อยากให้ถึง 3 เดือนเเล้วจัง อยากลองว่ามันเป็นไง....
_____________________________________
น้องใหม่คนนี้ขอฝากผลงานเรื่องสั้นสุดเร่าร้อน ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจ สักเรื่องนะคะ ^^
เมื่อสูญเสียคนรักก่อนวันแต่งงาน“เขา” จึงปักใจว่าไม่รักใครอีก ทว่าเเผนของย่าก็ทำให้ใจสั่นไหวอีกครั้ง เพราะต้องมาเจอกับ “เธอ” เข้ามาเพื่ออ่อย ...แล้ววันหนึ่ง หญิงสาวหน้าตาเหมือนคนรักที่จากไปปรากฏขึ้น เขาจะเริ่มต้นรักครั้งใหม่... หรือรักหญิงสาวที่หน้าตาเหมือนคนรักเก่า?!
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ครอบครัวเสิ่นเลี้ยงดูเซี่ยซางหนิงเป็นเวลา 20 ปี และเธอเองก็ถูกเอาเปรียบมาเป็นเวลา 20 ปีเช่นกัน วันหนึ่ง พวกเขาตามหาลูกสาวตัวจริงพบ และเซี่ยซางหนิงก็ถูกไล่ออกจากตระกูลเสิ่น ได้ยินมาว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอกำลังเผชิญกับความยากลำบากอย่างหนัก แต่ความเป็นจริง พ่อแม่ทางสายเลือดของเธอเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองไห่ เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดที่ตระกูลเสิ่นไม่สามารถเอื้อมถึงได้ ตระกูลเสิ่นที่คอยดูว่าเซี่ยซางหนิงจะต้องตกอับอย่างน่าสมเพช แต่กลับต้องตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับตัวตนของเซี่ยซางหนิง ผู้มีอิทธิพลในการเงินระดับโลก วิศวกรระดับแนวหน้า นักแข่งรถอันดับหนึ่งของโลก... เธอยังมีความสามารถที่ซ่อนอยู่อีกกี่อย่างกันแน่ คู่หมั้นยกเลิกการหมั้นกับเซี่ยซางหนิง อย่างไรก็ตาม เมื่อเซี่ยซางหนิงไปออกเดทกับพี่ชายฝาแฝดของเขา เขากลับปรากฏตัวขึ้นและสารภาพรักกับเธอ
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
ยัยเด็กขาดสารอาหารคนนี้หรอ คือลูกสาวคนใหม่ของแม่.. เด็กอะไร ขวางหูขวางตาชะมัด เจอหน้ากันเอาแต่ก้มหน้าหลบตา แต่ทำไมยัยเด็กนี่ถึงสวยวันสวยคืน..ถ้าเขาจะแอบกินเด็กของแม่..จะผิดไหม
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY