คะน้าถูกรับเลี้ยงมาในครอบครัวร่ำรวยที่มีลูกชายคนเดียว ตลอดเวลาโตมาด้วยกันเขาไม่เคยจะญาติดีเเละเห็นเธอเป็นเพียงคนใช้เท่านั้น!
คะน้าถูกรับเลี้ยงมาในครอบครัวร่ำรวยที่มีลูกชายคนเดียว ตลอดเวลาโตมาด้วยกันเขาไม่เคยจะญาติดีเเละเห็นเธอเป็นเพียงคนใช้เท่านั้น!
บทนำ
“แม่ผมมาแล้ว...”
“โตเป็นหนุ่มหล่อเลยนะ ไหนมากอดหน่อย”
“ผมคิดถึงแม่ครับ”
“แม่ก็คิดถึงลูกมา ต่อไปนี่เราไม่ต้องคุยกันผ่านกล้องแล้วนะ”
“ครับแม่”
ฉันแอบมองคุณหญิงกอดกับผู้ชายรุ่นราวเดียวกับฉันอยู่ข้างประตู ผู้ชายตัวสูงนั้นคือลูกชายแท้ๆ ของคุณหญิงนั้นเอง คุณหญิงบอกฉันว่าท่านมีลูกชายที่อาศัยอยู่ที่อเมริกาเราอายุเท่ากันแต่เขามีศักดิ์เป็นพี่เพราะเขาเกิดก่อนฉันสองเดือนตอนนี้ฉันตื่นเต้นจนบอกไม่ถูกเขาจะยอมรับฉันไหมนะ...
“อ่อ แม่มีคนหนึ่งจะแนะนำลูกน้องของลูกไง ที่แม่เคยเล่าให้ฟัง”
“...อ่อครับ”
สีหน้าผู้ชายคนนั้นเปลี่ยนไปทันที เขาดูนิ่งและน่ากลัวมาก...เหมือนเขาเองจะสังเกตเห็นฉันเหมือนกัน อยู่ๆ เขาก็เดินเข้ามาหาฉันก่อนจะยื่นมือหนานั้นมาตรงหน้าฉัน
“ยินดีที่ได้รู้จัก ต่อจากนี้เธอจะมีพี่ชายที่แสนดีละนะ^_^”
“...จะ จ้า
” ฉันยื่นมือไปจับมือหนานั้นไว้เบาๆ แต่เขากลับดึงให้ตัวฉันขยับเข้าไปก่อนจะโน้มตัวมากระซิบข้างๆ หูฉันอย่างแผ่วเบา
“เธอ ตาย แน่...^_^”
โอ้ แม่ จาววว
T_T
ณ ตอนนั้นฉันก็รับรู้ได้ถึงหายนะที่กำลังจะมาถึงต่อจากนี้...อยู่ๆ ฉันก็คิดถึงวันแรกที่เจอ ‘ลิบิน’ ขึ้นมา...ฉันยังจำได้วินาทีที่เขากระซิบข้างหูฉันได้แม่นนี่แค่คิดยังขนลุกไปทั้งตัวเลยนะเนี่ย ตั้งแต่เขากลับมาจากอเมริกาเมื่อสองปีที่แล้วเขาค่อนข้างต่อต้านฉันอย่างแรงทั้งแกล้งฉันจนร้องไห้ ออกปากไล่ฉันออกจากบ้านแกล้งฉันสารพัด แต่ก็เอาเถอะไม่ว่าเขาจะเป็นคนยังไงฉันก็ต้องดูแลเขาให้ดีที่สุดตอบแทนที่คุณหญิงให้ชีวิตใหม่กับฉัน ถึงบางเวลาเขาจะเรียกฉันว่าคนใช้ก็เถอะ =-= ซึ่งบางทีฉันก็แอบเคืองเหมือนกันนะคำพูดเเบบนั้นน่ะ
"นี่ยัยคะน้ายื่นทำอะไรอยู่ตั้งนานพรุ่งนี้มีเรียนนะ"
ระหว่างที่ฉันกำลังคิดไป แค้นไปลิบินตัวดีก็เดินออกมาจากตัวบ้านเข้ามายืนข้างๆ ฉันเขาคงจะแอบมองอยู่สักพักได้แล้วล่ะ
โห.. นึกว่าจะได้มองดาวคนเดียวอย่างสงบสะอีก
"ก็เเค่รับลม มองดาวไปเรื่อยๆ "
"คิดว่าตัวเองเป็นนางเอกหรือไง? "
"ก็เปล่าสะหน่อย เเล้วนายมาทำอะไรตรงนี้"
"ก็นี่มันบ้านฉันนิฉันจะอยู่มุมไหนก็ได้"หยักไหล่ด้วย
=_=
"ค่ะ ฉันมันเป็นเเค่ผู้อาศัย เดียวก็ออกไปจากที่นี่เเล้วอดทนหน่อยละกัน"
ลิบินมองหน้าฉันอย่าง งงๆ ทำไมล่ะวันหนึ่งฉันก็ต้องออกไปมีชีวิตของตัวเองใช้ชีวิตคนเดียวอยู่เเล้วนิหรือถ้าวันหนึ่งฉันเจอพ่อเเม่ฉันก็ต้องย้ายไปอยู่กับท่านอยู่แล้ว
"อยากไปก็เรื่องของเธอ-=-"
"นายก็ไม่ได้อยากให้ฉันอยู่นิ"
"เออ รู้ก็ดีเเล้ว เข้านอนได้เเล้ว..."
"อีกสักพัก..."
"เดี๋ยวนี้! "
"ตะโกนทำไม? เเล้วเรื่องอะไรทำไมนายต้องมาบังคับฉันด้วย! "
"ฟังชัดๆ นะ..."
ลิบิน ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ฉันเเล้ว เอามือชี้ปากตัวเองเหมือนให้ฉันตั้งใจดูที่ปากเขา
"ฉันเป็นเจ้าของบ้านเเละตอนนี้สั่งให้เธอไปนอนพร้อมฉันสะ"
"นี่มันชีวิตฉันนะ ถึงฉันนอนดึกก็ไม่ตื่นสายเท่านายหรอก"
"ขี้เกียจฟัง มานี่ไปพร้อมกันนี่ละ"
"เฮ! ทำไมต้องลากฉันด้วย"ลิบินจับเข้าที่เเขนขวาของฉันเเล้วดึงให้เดินตามเขากลับเข้ามาในบ้าน พอฉันพยายามจะเเกะมือของเขาออกเจ้าตัวก็หันมาจิกตาใส่สะงั้น =-= เขาเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยชอบบังคับฉันตลอดเวลาเลย พอถึงหน้าห้องฉันเเทนที่เขาจะปล่อยฉันเเล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปเเต่กลับยืนนิ่งกอดอกมองเหมือนต้องการให้ฉันเข้าห้องไปก่อน
"อะไร ทำไปไม่เข้าห้องไปละ"
"เธอก็เข้าไปก่อนสิ ฉันจะยืนมองอยู่ตรงนี้"
"เเต่ตอนนี้ก็ถึงห้องฉันเเล้วนะ..."
"ถ้าฉันเดินเข้าห้องไปเธออาจจะเดินออกไปอีกก็ได้"
“อะไรของนายเนี่ย?”
“นับหนึ่ง...”
"โอเคเรื่องของนายจะคิด ถ้าเข้าห้องเเล้วนายสบายใจงั้นฝันดี= ="
"อ่าฮะ"
ฉันไม่สนใจเขาเเล้ว เดินเข้าห้องไปโดยดี ฉันไม่อยากเถียงกับเขาให้เสียอารมณ์หรอกนะเดี๋ยวฝันร้ายกันพอดี พอรุ่งเช้าฉันก็ตื่นตามปกติรีบอาบน้ำเเต่งตัวเพื่อลงมาทำอาหารเช้ากินเองแบบทุกวัน ที่จริงฉันทำเเบบนี้มาตั้งเเต่จำความได้รู้สึกว่าการทำอาหารเป็นเรื่องสนุกในเเต่ละวัน ถึงเเม่นมจะขอให้ฉันนั่งรอกินอาหารเช้าฝีมือท่านเท่าไหร่ก็ตาม...มันเป็นความสนุกน่ะ เเต่มันก็ไม่สนุกตรงที่มักจะมีคนตื่นสายมาสั่งฉันทำเผื่อน่ะสิ ว่าเเต่นี่ก็เริ่มสายเเล้วทำไมลิบินช้าจังนะ?
“ยัยคนใช้ยืนทำอะไรอยู่ตั้งนาน ช่วยทำอาหารให้มันเร็วๆ หน่อยได้ไหมฉันรอนานมากแล้วนะหิวมากด้วย”
ยังไม่ทันขาดคำเจ้าตัวก็ลงมายืนกอดอกมองฉันแล้วออกคำสั่งเลยมาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย -=-
“ฉันไม่ได้ทำให้นาย ทำไมนายไม่ขอให้แม่นมทำให้กินละ”
ฉันวางจานข้าวผัดลงข้างตัวเเล้วหันไปมองลิบินที่ยืนพิงประตูอยู่ เห็นไหมล่ะเขาเห็นฉันเป็นคนใช้
จริงๆ ทั้งที่คุณหญิงบอกให้คิดว่าเราอยู่กันแบบเพื่อนก็เถอะ เเต่เขาไม่เคยคิดเเบบนั้นเลยที่เป็นเเบบนี้คงเพราะที่คุณหญิงชอบฉันมากกว่า ชิ!
“แม่นมไม่ว่างทำความสะอาดอยู่...”
“งั้นก็ทำกินเองโตจนหมาเลียก้นไม่ถึงแล้ว”
“นี่เธอ! ฉันเป็นลูกเจ้าของบ้านนี้นะ เท่าที่รู้เธอต้องดูแลฉันไม่ใช่หรือไงคิดว่าแม่เก็บเธอมาเลี้ยงแล้วจะไม่ต้องทำอะไรงั้นเหรอ”
ลิบิน
ยืนยิ้มมองฉันเหมือนตัวเขาเองได้รับชัยชนะอย่างใหญ่หลวง เขาก็เป็นอย่างนี้เสมอชอบพูดเหมือนว่าฉันเป็นส่วนเกินจะชินดีไหมล่ะ?
เหอะ?
“หัดตื่นให้มันเช้าๆ สิ”
“เรื่องของฉัน”
“เรื่องของนายแต่เดือดร้อนฉันเสมอเลยงั้นเหรอ”
“ก็มันหน้าที่เธอ” ฉันถือจานข้าวผัดมาวางบนโต๊ะให้เขาแล้วเดินเลี่ยงออกมาจากห้องครัว ที่จริงฉันกินข้าวเช้าเรียบร้อยไปตั้งนานเเล้ว ละที่ทำจานนี้ก็เพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องมาสั่งฉันให้ทำเผื่อ ลิบินมองฉันนิ่งๆ แบบที่ชอบทำก่อนจะเดินไปนั่งกินเงียบๆ เขาก็เป็นสะอย่างนี้ตื่นสายแล้วก็มาโวยวายให้คนอื่นทำอาหารเช้าให้กินนี่ถ้าเขาไปอยู่คนเดียวแล้วจะเป็นยังไงนะ ปีนี้เราอยู่ปีสุดท้ายแล้วด้วย เฮ้อ...
“คุณหนูคะ คุณชายละคะแม่นมขึ้นไปปลูกก็ไม่เจอเจ้าตัวเลยนี่ก็สายแล้วแม่นมเองก็ยังทำอะไรไม่เสร็จแล้วคุณชายจะทานอะไรก่อนไปเรียนก็ไม่รู้ คุณหนูเห็นคุณชายไหมคะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่นม ลิบินตื่นแล้วค่ะ แต่งตัวแล้วเรียบร้อยกำลังทานข้าวอยู่ในห้องครัวค่ะ^_^”
ฉันเดินออกมาเจอแม่นมที่กำลังยื่นขมวดคิ้วแน่นอยู่ที่หน้าห้องครัวฉันละอดหัวเราะกับท่าทีลุกลี้ลุกลนของแม่นมไม่ได้ท่าทางท่านจะร้อนใจมาก
“ขอบคุณคุณหนูมากนะคะ แม่นมมีงานเยอะจริงๆ ขอโทษที่ชอบทำให้วุ่นวายนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่นม คนที่วุ่นวายน่ะลิบินต่างหากละค่ะ”
“ถึงจะอย่างนั้นมันก็เป็นหน้าที่ของแม่นมเอง”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกค่ะ^_^”
“แม่นมไปทำงานของแม่นมเถอะค่ะ ไม่ต้องห่วงลิบิน เดี๋ยวคะน้าจัดการเขาเองค่ะ”
“ขอบคุณมากๆ นะคะ”
“ค่ะ^_^”
ฉันพูดยิ้มๆ ถึงบ้านนี้จะมีแม่บ้านอยู่หลายคนแต่แม่นมนี่ละเหนื่อยที่สุดเพราะนอกจากจะดูแลทุกคนในบ้านยังต้องคอยทำอาหารคุมการทำงานของแม่บ้านคนอื่นอีก แต่แกก็ดูมีความสุขดีนะ
“โล่งอกไปที แล้วคุณหนูจะไปส่งคุณแม่ไหมคะหรือจะไปเรียนเลยตอนนี้คุณแม่ยังไม่ไปนะคะ”
“งั้นเดี๋ยวคะน้าไปลาคุณหญิงตอนนี้เลยก็ได้ค่ะเดี๋ยวลิบินจะโวยวายเอาแม่นมก็รู้นิค่ะเขาไม่ชอบไปสาย”
“งั้นเดี๋ยวแม่นมขอไปดูคุณชายก่อนนะคะ คุณชายนี่หน้าตีจริงๆ” แม่นมพูดอย่างมันเขี้ยว
“ตีแรงๆ เลยนะคะ^_^”
“แม่นมทำไม่ลงหรอกค่ะ คุณหนูก็”
"ฮ่าๆ ไปก่อนนะคะ” ฉันถอนหายใจกับการจัดเวลาของลิบิน เขาตื่นสายได้แต่กลับไม่ยอมให้คนอื่นสายเอาแต่ใจจริงๆ
นี่ขนาดแม่เขาจะต้องไปทำงานต่างประเทศตั้งหลายเดือนเขายังตื่นสายอย่างนี้แล้วไหนยังต้องรีบไปเรียนอีก เขาไม่คิดจะกอดลาแม่หน่อยหรือไงฉันลืมบอกไปว่าลิบินกับแม่เขาเองก็ค่อนข้างจะห่างเหินเพราะเรื่องงานที่แม่เขาทำจึงมีเวลาให้ครอบครัวน้อยมากพอสมควรอีกอย่างลิบินเองก็พึ่งมาอยู่ได้ไม่กี่ปีด้วย
เเต่หลายครั้งที่แม่นมเล่าให้ฟังว่าลิบินก็ทำตัวน่ารักเเอบไปอ้อนเเม่เพื่อเต็มความอบอุ่นอยู่ตลอด แต่เขาไม่อยากให้ฉันเห็นสงสัยกลัวฉันจะล้อ ฮ่าๆ
“...ว่าไงลูกสาวแม่ยังไม่ไปเรียนอีกเหรอสายแล้วนะลูก”
“ลิบินยังทานข้าวไปเสร็จเลยค่ะ”
“คงตื่นสายอีกแล้วสิ สู้ลูกสาวแม่ไม่ได้...”
คุณหญิงลูบผมฉันเบาๆ อย่างเอ็นดู ท่านจะแทนตัวเองด้วยแม่เสมอฉันเองก็อยากเรียกท่านว่าแม่นะแต่ติดที่ฉันยังรอ...รอเพื่อที่จะเจอพ่อแม่ที่แท้จริงของฉันที่คุณหญิงพยายามตามหามาตั้งแต่ฉันจำความได้แต่มันก็ไร้วี่แวว จนบางครั้งฉันก็รู้สึกว่าต้องทำใจเหมือนกันฉันยังแอบอิจฉาลิบินนะ ที่อย่างน้อยเขาก็ยังรู้ว่าพ่อแม่เขาเป็นใครบางครั้งฉันก็คิดไปว่าถ้าคุณหญิงเป็นแม่จริงของฉันก็คงดี
“คุณหนูคะ คุณชายให้มาตามค่ะ”
“ค่ะแม่นมคุณหญิงคะเดินทางปลอดภัยนะคะพักผ่อนด้วยนะคะ คะน้าต้องไปเรียนก่อน”
“มากอดทีสักวันแม่จะตามหาพ่อแม่ที่แท้จริงให้หนูจนได้แม่สัญญา”
“ค่ะ หนูจะรอ
” คุณหญิงกอดฉันแล้วยื่นอะไรบางอย่างมาให้ฉันมันเป็นบัตรเครดิตสองใบ ฉันรับมาอย่างแปลกใจเพราะปกติฉันจะได้รับเงินรายเดือนเข้าบัญชีฉันอยู่แล้ว แต่อยู่ๆ ทำไมถึงให้มาอีกตั้งสองใบนะ
“คะน้าใช้ได้ตามสบายนะ อีกอันของลิบินเขา เพราะรอบนี้แม่ไปนานกว่าปกติแม่กลัวไม่มีเวลาส่งให้คิดจะไว้ใจคนอื่นให้โอนแทนมันก็ไม่ได้ หนูเก็บเอาไว้นะ"
“ค่ะ คะน้าจะใช้อย่างประหยัด แต่ลิบินนี่คะน้าไม่รับปากค่ะ”
“ฮ่าๆ ไปเรียนเถอะลูกป่านนี้ลิบินหงุดหงิดแย่แล้ว"
"เเต่ลิบินเขายัง..."
"เขามาลาเเม่ตั้งเเต่เมื่อคืนเเล้วละ อย่างนี้เเหละคงไม่อยากให้ใครรู้ว่ามีมุมน่ารักฮ่าๆ "
“เขาก็เป็นเเบบนี้สินะคะ..."
"เอาละ รีบไปเถอะเดี๋ยวเจ้าเด็กนั้นจะโมโหหนักเอา"
"ค่ะคุณหญิง"
ฉันไหว้คุณแม่แล้วรีบวิ่งมาที่รถพอเปิดประตูรถเข้าไปก็รับรู้ได้เลยว่าเขาหงุดหงิดเอามาก ดูจากการนั่งกอดอกมองนอกหน้าต่างเเบบนั้นคงกำลังหงุดหงิดที่ฉันมาช้า นี่ถ้าฉันไปสะกิดต่อมเขามีหวังระเบิดแน่เลย เอาเป็นว่าฉันจะพยายามเเล้วกันหรือบางทีฉันควรไปนั่งข้างหน้าจะดีกว่า
“ขอโทษนะคะพี่ชนที่ให้รอ...”
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับคุณหนูแต่คุณชาย...”
“จะไปได้หรือยังยัยคนใช้ขี้ประจบนี่ก็มาแล้วนิ ช้าอย่างนี้ถ้าฉันเข้าสายฉันจะโทษเธอยัยคนใช้!”
ฉันหันไปจิกตาใส่ลิบิน ถ้าเขาไม่ตื่นสายฉันก็คงไม่ต้องรีบอย่างนี้หรอก
“เหอะ!”
“อย่ามาทำเสียงอย่างนั้นใส่ฉันนะ”
“นายมาโทษฉันทำไมละ”
“อยากจะโทษมีอะไรไหม”
หน็อย! น่าหมั่นไส้จริงๆ นี่เขาโทษฉันแค่เพราะฉันตั้งใจจะไปลาแม่เขาเนี่ยนะปัญญาอ่อนสุดๆ ไปเลยอย่างนี้มันต้องสั่งสอนเจอกระเป๋าฉันหน่อยเป็นไรตาลิบินขี้โวยวาย
“โอ๊ย! ยัยบ้าฉันทำอะไรให้เธอเนี่ยถึงมาโยนกระเป๋าหนักๆ ของเธอใส่ฉัน ห๊า!”
“แล้วไงละ”
“เธอ! ...ฝากไว้ก่อนเถอะ”
“รีบมาเอาละกัน เเบร่”
ฉันแลบลิ้นใส่ลิบินทันทีที่เขาโยนกระเป๋าคืนมาแต่ดันโดนเบาะ ฮ่าๆ ตลกชะมัดเวลาเขาโมโหนี่น่าดูจริงๆ
มีแต่ฉันคนเดียวนะเนี่ยที่เห็นเขาเป็นแบบนี้ ถ้าเป็นคนอื่นเขาคงวางท่าเป็นคนเงียบขรึมเย็นชากดดันใส่ไปละแต่ฉันชอบให้เขาโวยวายมากกว่านะ
ฮ่าๆ
"ฉันเอาคืนเเน่ยัยบ้า"
"เหรอๆ อย่าช้านะ"
"เงียบไปเถอะน่า"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
【สาวน้อยผู้มีความรักในใจกลายเป็นหญิงสาวที่มีสติปัญญา vs ซีอีโอผู้ตามรักอย่างบ้าคลั่ง】 ในปีที่ห้าของการแต่งงานแบบลับๆ ของเธอ เสิ่นจาวหนิงเห็นสามีของไปเปิดห้องที่โรงแรมกับรักแรกของเขากับตาตนเอง จากนั้นเธอเพิ่งรู้ว่าลี่เยี่ยนซิวแต่งงานกับเธอเพราะเธอดูคล้ายกับรักแรกของเขา เสิ่นจาวหนิงตายใจและหลอกให้ลี่เยี่ยนซิวเซ็นสัญญาหย่า หนึ่งเดือนต่อมา เธอประกาศต่อหน้าผู้คนว่า “ลี่เยี่ยนซิว ฉันไม่ต้องการคุณอีกแล้ว อให้คุณกับรักแรกของคุณจะอยู่ด้วยกันตลอดไป” ลี่เยี่ยนซิวกอดเธอพร้อมน้ำตาคลอเบ้า “เสิ่นจาวหนิง คุณเป็นคนที่เข้ามาหาผมก่อน แล้วตอนนี้คุณจะทิ้งผมง่ายๆ ได้ยังไง?” ****** หลังจากที่เสิ่นจาวหนิงหย่า งานของเธอไปได้ดีขึ้นเรื่อยๆ บริษัทก็เตรียมที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ ในงานเลี้ยงฉลอง ลี่เยี่ยนซิวก็เข้าร่วมด้วย เขามองอดีตภรรยาที่จับมือผู้ชายอื่นด้วยความหึงหวงอย่างแรง ขณะที่เสิ่นจาวหนิงเตรียมเปลี่ยนชุด เขาก็ตรงเข้ามาหาเธอในห้องลองเสื้อ “ผู้ชายคนนั้นดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสิ่นจาวหนิงถึงสังเกตเห็นว่าลี่เยี่ยนซิวร้องไห้แล้ว น้ำตาของเขาตกลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอและมันรู้สึกร้อนๆ “เสิ่นจาวหนิง ผมเสียใจแล้ว เราคืนดีกันได้ไหม?”
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY