ทอมโน (ลำดับที่ 1 ใน ซีรี่ส์ทอรักปักสวาท) “ก็แค่นางบำเรอถูกกฎหมาย อย่าสะเออะมาตีฝีปากกับฉัน” มโนยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตทีละเม็ดอยู่หน้ากระจกโดยไม่ยี่หระต่อสายตาของคนที่นั่งบนเตียงด้านหลังตน“อย่างน้อยฉันก็มาแบบถูกกฎหมายไม่ใช่เหรอคะสามีขา...”
ทอมโน (ลำดับที่ 1 ใน ซีรี่ส์ทอรักปักสวาท) “ก็แค่นางบำเรอถูกกฎหมาย อย่าสะเออะมาตีฝีปากกับฉัน” มโนยืนปลดกระดุมเสื้อเชิ๊ตทีละเม็ดอยู่หน้ากระจกโดยไม่ยี่หระต่อสายตาของคนที่นั่งบนเตียงด้านหลังตน“อย่างน้อยฉันก็มาแบบถูกกฎหมายไม่ใช่เหรอคะสามีขา...”
** “****เอ้า! ชนแก้วเว้ย!"**หนึ่งกลุ่มเอ่ยขึ้นพร้อมกับยกแก้วบรั่นดีตกหน้าขึ้นมารอให้เพื่อน ๆ ยกขึ้นมาชนกับแก้วของตน
“ชนเหี้ยสิวะ! กูเครียดอยู่นะเว้ยไอ้ฝัน”
น้ำเสียงเข้มเปล่งออกมา แสดงให้รู้ว่าเจ้าของน้ำเสียงนั้นกำลังอารมณ์ไม่ดี มือใหญ่ยกแก้วบรั่นดีเข้ม ๆ กระดกเข้าปากรวดเดียวหมดแก้ว โดยไม่สนใจจะชนแก้วกับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม เมื่อหมดแก้วก็คว้าขวดบรั่นดีตรงหน้าขึ้นมายกขวดให้หนำใจ
"เฮ้ย! พอก่อนไอ้โน มึงจะเครียดทำไมวะ ก็แค่แต่งงานเองเว้ย! คิดว่าเป็นกำไรชีวิตสิวะ”
ลวงร้อยแย่งขวดบรั่นดีในมือเพื่อนรักมาเก็บไว้ ขืนปล่อยให้ดื่มแบบนี้มีหวังเมาเละเหมือนหมาก่อนที่จะคุยกันรู้เรื่องแน่ ๆ เลยวันนี้ คนรึอุตส่าห์เปิดห้องเลี้ยงสละโสดให้ แทนที่จะสนุก แต่นี่อะไร มานั่งหน้าตึงเครียดอยู่ได้
“มึงเข้าใจกูจริงไหมวะไอ้เพ้อ”
มโนมองเพื่อนข้างตนที่มีสีหน้ายิ้มระรื่นไม่เหมือนกับคำที่พูดออกมาจากปากเลย ท่าทางกับคำพูดช่างสวนทางกันเสียเหลือเกิน แล้วสายตาคมก็เหลือบไปมองเพื่อน ๆ อีกสามคนและทุกคนก็เหมือนกำลังสนุกสนานบนความทุกข์ของเขา
มโนกับทั้งสี่คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม จนตอนนี้อายุ 37 ปีแล้ว เป็นเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยวเคล้านารีมาด้วยกันตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม แต่ตกมาปีนี้ปี 2560 เป็นปีที่เขาไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่า
นายมโน เหลืองอร่ามทองคำส่องแสงระยิบระยับรุ่งเรืองพราวฟ้า
หรือ โน วัย 37 ปี ทายาทรุ่นที่ 47 ของบริษัทเส้นใหญ่โภชนาการ ซึ่งธุรกิจของเขานั้นเป็นบริษัทแม่และมีโรงงานลูกผลิตพวกอาหารแห้ง โดยเฉพาะมาม่าเป็นอาหารยอดฮิตของคนไทยในปัจจุบัน
“ก็พวกกูเข้าใจมึงไงถึงได้เปิดห้องชุดหม้อรวมให้มึงส่งท้ายก่อนที่มึงจะมีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนไงวะเพื่อน”
"ฮ่า ๆ ๆ" เสียงหัวเราะตามมาเป็นพรวน
“เออ! ไอ้เพ้อพูดถูหูกูดีว่ะวันนี้ เรียกเด็ก ๆ เข้ามาเลยไอ้ฝัน” รักษ์หัวเราะชอบใจพร้อมกับบอกสั่งเพื่อนรักให้โทร.เรียกเด็ก ๆ เข้ามาปลอบใจว่าที่เจ้าบ่าว
“สนุกดีกว่าไอ้โน มึงควรดีใจที่จะมีคนมาร่วมใช้นามสกุลลิเกของมึงนะเว้ย!" เพ้อภพเอ่ยบอก พร้อมกับลุกขึ้นเดินกลับไปนั่งที่เดิมของตน
“แล้วมันไปหนักหัวมึงรึไงไอ้เพ้อ นามสกุลนี้ทวดกูเป็นคนไปต่อเติมให้ดูหรูหราขึ้นมาเว้ย! สาวเห็นสาวเป็นมอง สาวเจอเป็นต้องถอดผ้าเข้าหา แต่ตอนนี้กูเครียดเว้ย! กูจะกลับแล้ว เชิญพวกมึงสนุกกับชุดรวมไปเถอะ ระวังเถอะ ระวังพวกมึงจะติดโรค” พูดให้เพื่อนทั้ง ๆ ที่ตนก็ไม่ต่างจากเพื่อนของตนเลย ตอนนี้มโนไม่มีอารมณ์จะเที่ยวจะสนุกกับผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น เพราะเขาเครียดกับเรื่องที่จะเกิดขึ้นอีกสองวันข้างหน้านี้
“กูนึกว่าลิเก” ฝันดีเอ่ยลอย ๆ
“เอ้า! ไอ้ห่านี้ พวกกูอุตส่าห์จัดแจ่ม ๆ มาให้มึงเลยนะเว้ย” ลวงร้อยเห็นเพื่อนลุกขึ้นเตรียมท่าจะกลับ
“เอาไปต้มยำกินที่บ้านพวกมึงเถอะ กูเครียดเว้ย!" ว่าแล้วมโนก็เดินตรงไปยังประตูห้องกระชากเปิดออกทันที
ปัง!
เสียงประตูห้องที่มโนกระแทกปิดดังลั่นทำให้สี่หนุ่มที่เหลือมองหน้ากันแล้วหัวเราะเพื่อนรัก
“พวกมึงว่าเจ้าสาวไอ้โนจะเป็นผู้หญิงแบบไหนวะ” รักษ์เอ่ยถามเพื่อน
“แบบไหนกูไม่รู้ กูรู้แต่ว่าตอนนี้กูหิวนมว่ะ!" เพ้อภพเอ่ยพลางมองไปยังประตูที่ตอนนี้มีสาวอกตูมกำลังเรียงรายกันเข้ามาในห้อง
“นั่นสิวะ รอดูวันแต่งงานดีกว่า ตอนนี้ต้มยำน้ำข้นกันดีกว่าว่ะ” ฝันดีเอ่ยขึ้นบ้าง แล้วลูกเดินไปโอบกอดสาว ๆ มานั่งกับตน
เพื่อน ๆ ของเขากำลังสนุกกันอยู่
แต่มโนขับรถกลับบ้านด้วยสีหน้าเครียดขรึม พอมาถึงบ้านเขาก็รีบขึ้นไปบนห้องนอนทันที แต่ยังไม่ทันได้หย่อนก้นลงนั่งบนเตียงก็มีเสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น และก็ไม่ต้องเดายากเมื่อตอนนี้คนที่เคาะประตูได้เปิดผลักเข้ามาก่อนที่เจ้าของห้องจะอนุญาตแล้ว
“ไปไหนมาลูก จะแต่งงานอยู่แล้วนะทำไมต้องไปเที่ยวข้างนอก ไปลงอ่างมาใช่ไหมลูก” นางเพ็ญศรีเดินหน้าบึ้งเข้ามาหาลูกชายคนเดียวของตนด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“โธ่! แม่ ให้ลูกได้เที่ยวบ้างเถอะ ดีแค่ไหนแล้วที่โนไม่ไปผูกคอตาย”
“ตบปากตัวเองเดี๋ยวนี้โน ทำไมต้องพูดแบบนี้ด้วย” นางสั่งเสียงแข็ง และเห็นว่าลูกชายชักช้าไม่ทำตาม มือเหี่ยวย่นก็ยกขึ้น
เผียะ!
“แม่ตบปากลูกเพียงเพราะลูกจะหนีตายเนี่ยนะ แม่เห็นยัยเจ้าสาวนั่นดีกว่าลูกได้ยังไง” มโนยกมือกุมปากตัวเองด้วยความน้อยใจผู้เป็นแม่
“มึงไม่เข้าใจกูหรอกไอ้ลวง มึงก็รู้ว่ากูยังไม่อยากมีพันธะตอนนี้ แต่แม่ง! พันธะเสือกวิ่งมาหากู” มโนพูดออกมาด้วยความน้อยใจโชคชะตา ใบหน้าคมเข้มประดับหนวดเคราเสริมเสน่ห์จ้องมองบรรดาเพื่อนรักด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
ลวงร้อย เพ้อภพ ฝันดี
และ
รักษ์
หันมาสบตากัน ก่อนจะพูดออกมาพร้อมเพียงกัน
“เรื่องนี้พวกกูช่วยมึงไม่ได้จริง ๆ ว่ะ” ทั้งสี่คนประสานเสียงกันพูดออกมา
มโนเอนหลังพิงพนักโชฟาด้วยความอ่อนแรง เมื่อคิดว่าอีกสองวันก็ต้องเข้าพิธีแต่งงานสายฟ้าแลบในครั้งนี้ แม้แต่หน้าของเจ้าสาวก็ไม่เคยเห็น ไม่รู้ว่าสวยหรือขี้เหร่ จะสวยหรือขี้เหร่เขาก็ไม่มีวันให้หล่อนได้ใช้ชีวิตหลังแต่งงานอย่างมีความสุขหรอก เขาจะโรยหนาม ตะปูและเรือใบให้หล่อนเดินไม่ได้แล้วล่าถอยออกไปจากชีวิตของเขาเอง
"เฮ้อ!"
เพ้อภพถอนหายใจแรง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาทิ้งตัวนั่งข้างมโน แล้วยกมือขึ้นตบไหล่เพื่อนแรง ๆ
“เอาเถอะน่า...ไหน ๆ ก็จะมีเมียก็ฉลองกันเถอะ จะเครียดทำไมกะอีแค่แต่งงานก่อนเพื่อน ๆ เองไอ้โน” เหมือนจะปลอบแต่ทำไมคนฟังถึงรู้สึกว่าเพื่อนรักกำลังเยาะเย้ยอยู่ในที
“มึงเข้าใจกูจริงไหมวะไอ้เพ้อ”
มโนมองเพื่อนข้างตนที่มีสีหน้ายิ้มระรื่นไม่เหมือนกับคำที่พูดออกมาจากปากเลย ท่าทางกับคำพูดช่างสวนทางกันเสียเหลือเกิน แล้วสายตาคมก็เหลือบไปมองเพื่อน ๆ อีกสามคนและทุกคนก็เหมือนกำลังสนุกสนานบนความทุกข์ของเขา มโนกับทั้งสี่คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม จนตอนนี้อายุ 37 ปีแล้ว เป็นเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยวเคล้านารีมาด้วยกันตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่ม แต่ตกมาปีนี้ปี 2560 เป็นปีที่เขาไม่คาดคิด ไม่คาดคิดว่า
นายมโน เหลืองอร่ามทองคำส่องแสงระยิบระยับรุ่งเรืองพราวฟ้า
หรือ โน วัย 37 ปี ทายาทรุ่นที่ 47 ของบริษัทเส้นใหญ่โภชนาการ ซึ่งธุรกิจของเขานั้นเป็นบริษัทแม่และมีโรงงานลูกผลิตพวกอาหารแห้ง โดยเฉพาะมาม่าเป็นอาหารยอดฮิตของคนไทยในปัจจุบัน
นิยายเรื่องนี้เป็นแนวท่านประธานคลั่งรักค่ะ “ลูคัส” กับ “ปิ่นปัก” มาลุ้นไปกับความรักของท่านประธานขี้หวงกับเมียเด็กจอมเย็นชากันนะคะ
เกือบหนึ่งพันปีที่เฝ้ามอบถวายชีวิตของตัวเองคอยรับใช้นายท่านนาสูร และเมื่อถึงเวลาที่ต้องเลือกอนาคตตัวเอง เขากลับเคว้งคว้างเดินไม่ถูก และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อโชคชะตาส่งเด็กน้อยตัวเล็กอายุไม่กี่เดือนมาให้เขาได้ดูแล ‘เดหลี’ เขาดูแลเด็กน้อยไม่ต่างจากลูก แม้จะรู้ดีว่าอนาคตเด็กคนนี้จะเปลี่ยนชีวิตของตัวเอง ‘พาที’ นั่งใช้ความคิดอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่นของบ้านที่ตนเองและเดหลีอาศัยอยู่ด้วยกัน เพลานี้เด็กน้อยอายุเจ็ดขวบ เผลอแป๊บเดียวจากเด็กน้อยงอแงเอาแต่ใจ นอนตัวแดงแบเบาะ ตอนนี้รู้ความและขี้อ้อนมาก “คุณพาทีคะ คุณพาทีคะ” “หืม! เด็กน้อย” คนถูกเรียกหันมาหาเจ้าของเสียงเล็กสดใสของหนูน้อยวัยเจ็ดขวบ “แต่งงานคืออะไรคะ?” หนูน้อยเกาะแขนของผู้เปรียบเสมือนพ่อของตนเอง “คือคนสองคนรักกัน แล้วก็แต่งงานกัน เดี๋ยวโตขึ้นเดหลีก็จะเข้าใจเอง” พาทีลูบหัวหนูน้อยหน้ากลมที่แนบแขนตัวเองและกำลังแหงนเงยหน้าขึ้นมองจ้องหน้าตัวเอง เหมือนเขาที่กำลังก้มมองหน้ากลมๆ อ้วนๆ ของหนูน้อย “งั้นโตขึ้นเดหลีจะแต่งงาน และคุณพาทีต้องแต่งงานกับเดหลีด้วยนะคะ” “แต่งงานน่ะแต่งได้ แต่กับฉันไม่ได้เดหลี” “ทำไมไม่ได้คะ เดหลีรักคุณพาที ถ้าไม่แต่งกับคุณพาทีจะให้หนูแต่งกับใครคะ” หนูน้อยเจ็ดขวบตอบอย่างฉะฉาน ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า ‘รัก’ และ ‘แต่งงาน’ “โตขึ้นเธอจะรู้เองเดหลี ตอนนี้ได้เวลานอนแล้วนะ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวฉันเอานมร้อนไปให้ดื่มก่อนนอนนะ” “อุ้มค่ะ” หนูน้อยยอมผละแขนสั้นๆ ที่กอดแขนใหญ่ออกมากางให้อีกฝ่ายอุ้มตัวเองกลับห้องนอน พาทียกยิ้มเอ็นดูท่าทางของหนูน้อยแล้วก็ช้อนอุ้มเด็กน้อยขึ้นแนบอกแล้วลุกขึ้นจากโซฟาพาเดินกลับห้องนอนด้วยเวลานี้ดึกมากแล้ว
“อ่ะ...อื้อ” เธอเบิกตากว้างในความมืดสลัวเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองถูกคุกคามยามดึก “ชูว์! ฉันเองเด็กน้อย” เขายกมือมาปิดปากเธอพร้อมบอกให้รู้ว่าคือเขา “คุณนาสูร” “ใช่ ฉันเอง ก็บอกแล้วไงว่าเจอกัน” “ฟ้าอยู่” “เธอไม่ตื่นหรอก” เขาบอกตอบกลับ “แต่ไม่ได้นะคะ เราจะ...” “ทำไมจะไม่ได้ ก็ฉันหิวมาหลายวันแล้วน้อง เธอก็รู้ว่าฉันต้องการเธอมากแค่ไหน” เขารีบบอกสวนกลับโดยที่เธอยังพูดไม่สุดประโยคความ “พรุ่งนี้ฟ้าก็กลับแล้ว” เธอบอกพร้อมดันเขาไปนอนข้างๆ ตัวเองที่ยังมีพื้นที่ว่างอยู่ “ไม่มีพรุ่งนี้ทั้งนั้น ฉันต้องการวันนี้เด็กน้อย ขอเถอะนะ เพื่อนเธอไม่มีทางตื่นถ้าฉันไม่สั่งให้ตื่น เรามามีความสุขกันเถอะนะ ฉันรู้ว่าเธอเองก็โหยหาฉัน” มือใหญ่สอดเข้าไปในใต้ผ้าห่มแล้วบีบเคล้นเต้าของเธอ “อ่ะ...อื้อ คะ...คุณนาสูร ยะ...อย่าทำแบบนี้ค่ะ น้องอาย ถึงฟ้าจะไม่ตื่น แต่ฟ้าก็นอนอยู่ข้างๆ นะคะ” พึ่บ! แล้วผ้าห่มที่เธอแบ่งกันกับเพื่อนห่มนั้นก็ถูกถลกดึงรั้งขึ้นไปคลุมหัวของฟ้าใสทันที --- สวัสดีนักอ่านทุกคนค่ะ ณิการ์ขอฝากรูปเล่มนิยายเรื่อง “นาสูร” ภายใต้นามปากกา “ยักษ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องราวของยักษ์ที่มาอายุนับพันกว่าปีกับมนุษย์สาวคนหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนิยายแฟนตาซีอีโรติกค่ะเรื่องนี้ “นาสูร” เป็นยักษ์ที่หิวกามมาก กินดุมาก เขาไม่สนใจเนื้อเท่ากับลีลารักบนเตียง และ “พุดซ้อน” ก็สนองตัณหาของเขาได้ดีทีเดียว แล้วเขาทั้งสองจะรักกันได้ยังไง เมื่อทั้งสองต่างแตกต่างกัน มาลุ้นไปกับความรักของยักษ์และมนุษย์ด้วยกันนะคะ
เรื่อง “มังกรกัณฐ์” นามปากกา “ยักษ์” ภาคต่อ “นาสูร” ด้วยนะคะ นิยายชุดนี้จะมี 3 เรื่องนะคะ นาสูร(อีบุ๊กพร้อมโหลด),มังกรกัณฐ์(อีบุ๊กพร้อมโหลด) และกลืนกิน(กำลังเขียน) วันนี้ฝากเรื่อง “มังกรกัณฐ์” ด้วยนะคะ เป็นเรื่องของลุกชายพ่อนาสูรมาลุ้นไปกับความรักความหื่นและความเอาแต่ใจของหนุ่มลูกครึ่งยักษ์กันนะคะ
“ไอ้พร้อม ไอ้ห่า มึงมันหยาบเกินคน มึงไม่เป็นลูกผู้ชาย” “ก่อนจะว่าแบบนั้น มึงดูเอ็นกูยัง มึงดูเอ็นกูแข็งร้อนขนาดนี้ มึงยังปากดีว่ากูไม่เป็นลูกผู้ชายอีกเหรอ”
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคนสองคนไม่เคยเจอกัน ไม่เคยรู้จักกัน แต่ต้องมาแต่งงานกัน แน่นอนว่าการคลุมถุงชนครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะคนแก่ทั้งสองที่ให้คำมั่นสัญญากัน พวกเขาที่เป็นหลานจึงจำต้องแต่งงานกัน "น่านน้ำ" หนุ่มเจ้าของไร่กาแฟ กับสาวมั่น "พิมพ์มาดา" ที่ต้องมาเจอกัน ทั้งสองไม่ใช่คนที่จะเชื่อฟังใครง่ายๆ ต่างคนต่างดื้อ และการคลุมถุงชนครั้งนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น แล้วเรื่องราววุ่นวายจึงเกิดขึ้น หนี....ใช่ต้องหนีเท่านั้น....แต่หนีไปไงมาไงมา "รัก" กันได้ไง ที่สำคัญหนีไปหนีมามาเจอพ่อคน "เซ็กส์จัด" ใช่ค่ะว่าที่เจ้าบ่าวของเธอเซ็กส์จัดจนต้องยอมแพ้....และเธอก็ชอบความหื่น ห่าม ถ่อย ของคนที่ชังหน้าแบบไม่รู้ตัว......และน่านน้ำก็หลงเจ้าสาวจอมดื้อแบบไม่ตั้งใจรักเช่นกัน...... ------------ “นายทำบ้าอะไรของนาย” “ลงโทษเมีย” น้ำคำห้วนๆ ตอบกลับทันควัน พร้อมกับจ้องหน้าสวยที่ตอนนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจในตัวเขาอยู่ในที แล้วเรื่องอะไรเขาต้องสนใจสายตาเกลียดชังที่หล่อนส่งมาให้ด้วยเล่า ในเมื่อพิมพ์มาดาเป็นของเขาและต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น “ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นายน่าน” เธอสั่งเสียงแข็งไม่ยอมเช่นกัน พร้อมดิ้นหนีจากแรงกดของบุรุษที่คร่อมเหนือตัวเองอยู่ในตอนนี้ เขาบังคับให้เธอพิงไปกับพนักโซฟาและตัวเขาก็คร่อมกักร่างเธอไว้ โดยมีสองมือใหญ่กดหัวไหล่เธอให้อิงพิงไปกับพนักเก้าอี้ สองมือทุบตีไปกับหน้าอกแกร่งแต่เหมือนกับว่าทุบกำแพงหินผาเจ็บมือเสียแรงเปล่า “ทำไมฉันต้องปล่อยด้วย เธอคิดยังไงถึงไปคบกับไอ้ปลัดธนูนั่นทั้งๆ ที่มีฉันเป็นผัวทั้งคน หรือฉันคนเดียวไม่พอฮึดา” โน้มหน้าลงไปเอ่ยข้างหูเธอพร้อมกับกัดดึงหูเธอแรงๆ ด้วยความโมโห “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะไอ้ซาดิสม์!” “ก็กัดให้เจ็บ ถ้าไม่เจ็บจะกัดทำไมวะ บอกฉันมาไปถึงไหนต่อไหนกับมันแล้ว” เงียบ! ปากช่างเจรจาของสาวจอมพยศเม้มแน่นไม่ปริปากตอบเมื่อเขาถาม และนั่นยิ่งกระตุ้นไฟโทสะในอกของน่านน้ำไปใหญ่ “ฉันถามเธออยู่ทำไมไม่ตอบ” เขากระชากเสียงถามเธอดังกว่าเดิม และครั้งนี้ก็บีบหัวไหล่ของเธอที่กดไปกับพนักโซฟาด้วย “เจ็บนะเว้ย! นายมันบ้าไปแล้วนายน่าน นายมันคนซาดิสม์ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ฉันเจ็บ” ทุบตีแขนของเขาให้นำพามือที่บีบหัวไหล่ตัวเองออก ตอนนี้ดวงตาสวยสดใสได้อาบล้นไปด้วยน้ำตาแห่งความเจ็บปวด เมื่อเขาไม่ยอมปล่อยมือจากหัวไหล่แต่เขากลับทำตรงกันข้ามคือบีบแรงกว่าเดิม “ฉันไม่ใจอ่อนกับน้ำตาของผู้หญิงอย่างเธอหรอกนะดา อย่ามาบีบน้ำตาปัญญาอ่อนต่อหน้าฉัน” น้ำเสียงเฉียบขาดเอ่ยขึ้นพร้อมกับผละมือข้างขวามาบีบคางเล็กของเธอให้แหงนเงยเชิดหน้าขึ้นสบตาตนเอง แล้วเขาก็โน้มลงไปบดขยี้ปากอวบอิ่มสีระเรื่อที่เม้มแน่นของหล่อนจริงๆ ในเมื่อไม่ยอมพูดไม่ยอมตอบเขาก็ไม่คิดจะสนใจแล้ว เพราะตอนนี้สิ่งที่ต้องการคือการทำให้พิมพ์มาดาจำ จำว่าร่างกายของหล่อนคือของเขา นายน่านน้ำไม่ใช่ของใครอื่นที่ไหน ผู้ชายหน้าไหนก็ห้ามแตะ เพราะเนี่ยคือสมบัติของเขา ถ้าเขาไม่ยกให้ใครหน้าไหนก็ห้ามพาหล่อนหนี “อ่ะ อื้อ.....
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
ทุกคนต่างรู้ดีว่าเจียงว่านหนิงรักเย่เชินมานานหลายปี เธอที่มักจะว่านอนสอนง่ายและน่ารักเสมอ ได้สักลายเพื่อเขาและยอมทนอยู่ใต้อำนาจผู้อื่น เมื่อเธอถูกทุกคนใส่ร้ายจนโดนตำหนิ เขากลับนิ่งเฉยและยังถึงขั้นให้เธอคุกเข่าให้แฟนเก่าของเขาอีกด้วย เธอที่รู้สึกอับอาย ในที่สุดก็หมดหวัง หลังจากยกเลิกการหมั้น เธอก็หันไปแต่งงานกับทายาทพันล้านทันที คืนนั้นเอง ใบทะเบียนสมรสของทั้งคู่ก็กลายเป็นข่าวฮิตบนโลกออนไลน์ เย่เชินที่เคยคิดว่าตัวเองเก่งกาจที่สุดก็เริ่มวิตกและพูดออกมาด้วยความโกรธว่า "อย่าเพ้อฝันไปเลย นายคิดว่าเธอรักนายจริงๆ งั้นเหรอ เธอแค่ต้องการใช้พลังอำนาจของตระกูลฟู่เพื่อแก้แค้นฉันเท่านั้นเอง" ฟู่จิงเซินจูบหญิงสาวในอ้อมกอดและตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจว่า "แล้วจะเป็นไรไปล่ะ ก็พอดีว่าฉันมีทั้งเงินและอำนาจนี่"
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY