เธอถูกพ่อแท้ๆ ที่เพิ่งพบหน้าฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด ในตอนแรกเธอคิดว่าคงไม่ชีวิตรอดเป็นแน่ ที่จะเจอผู้ชายที่เป็นหนี้ชีวิตเธออีกครั้ง แต่อยู่ๆ เธอกลับฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างของน้องสาวของเธอเอง และโชคชะตาของเธอทำให้เธอต้องแต่งงานกับคนที่เธอรักจนหมดใจ
เธอถูกพ่อแท้ๆ ที่เพิ่งพบหน้าฆ่าตายอย่างเหี้ยมโหด ในตอนแรกเธอคิดว่าคงไม่ชีวิตรอดเป็นแน่ ที่จะเจอผู้ชายที่เป็นหนี้ชีวิตเธออีกครั้ง แต่อยู่ๆ เธอกลับฟื้นขึ้นมาอยู่ในร่างของน้องสาวของเธอเอง และโชคชะตาของเธอทำให้เธอต้องแต่งงานกับคนที่เธอรักจนหมดใจ
หลินเพ่ยเพ่ยสาวน้อยอายุสิบขวบที่อาศัยอยู่สถานสงเคราะห์มาตั้งแต่เด็ก เธอเป็นสาวน้อยที่หน้าตาน่ารักและสวยงามมากคนหนึ่ง แต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกคนใจร้ายนำมาทิ้งไว้หน้าสถานสงเคราะห์แห่งนี้ตั้งแต่ยังเป็นทารกแรกเกิด
ที่ผ่านมามีคนต้องการที่จะอุปการะเธอไปเลี้ยงดูอยู่แล้วหลายคน แต่พอถึงวันที่จะมารับตัวเธอไปนั้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นทุกครั้ง เลยทำให้พวกเขาคิดว่าเธอเป็นนั้นตัวซวย พอหลายครั้งเข้าทำให้ไม่มีใครกล้ามาอุปการะเธออีกเลย เด็กน้อยหลินเพ่ยเพ่ยจึงจำต้องอยู่สถานที่นี้ต่อไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ มองดูเพื่อนๆ ของเธอถูกอุปการะไปคนแล้วคนเล่า
"เพ่ยเพ่ยเธออยู่ไหน" หลันอี้เรียกหาหลินเพ่ยเพ่ย เธอเป็นคุณครูที่คอยสอนและช่วยดูแลเด็กๆ อยู่ที่สถานสงเคราะห์แห่งนี้มานาน วันนี้อิ้งหานตี้มาเฟียใหญ่ของเมือง A พร้อมกับอิ้งหานเหนียนลูกชายเพียงคนเดียวของเขามาที่นี่เพื่อมาทำบุญกับเด็กๆ เนื่องในวันครบรอบวันเกิดสิบแปดปีของอิ้งหานเหนียนลูกของเขา
"หนูอยู่นี่คะ"
"มาหลบอยู่นี่เอง ทำไมถึงไม่ออกไปรับของกินอีกล่ะ"
"หนูไม่กล้าออกไปค่ะ หนูมันตัวซวย"
สาวน้อยหลินเพ่ยเพ่ยโดนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอิจฉาในความสวยของเธอ พวกเขาจึงเอาเรื่องที่เธอเป็นตัวซวยมาล้อกับเธอ ทำให้เธอกลายเป็นเด็กที่ไม่เข้าหาใครและไม่ค่อยพูดจากับใคร ซึ่งเป็นเรื่องที่หลันอี้กังวลใจเป็นอย่างมาก
"เรื่องนี้หนูไม่ต้องคิดมากนะเพ่ยเพ่ย มีครูอยู่ทั้งคนต่อไปใครกล้ามาว่าเธอให้มาบอกครู ครูจะให้ความเป็นธรรมแก่เธอเอง"
"......."
"เอาล่ะๆ ออกกันไปเถอะได้เวลาทานข้าวเที่ยงแล้ว"
เมื่อหลันอี้เห็นว่าหลินเพ่ยเพ่ยยังคงนิ่งอยู่ จึงจับมือน้อยๆ ของเธอจะพาเธอเดินออกไป ตอนนี้คนใช้บ้านตระกูลอิ้งกำลังแจกจ่ายอาหารเที่ยงให้กับเด็กอยู่
"ยืนเข้าแถวตรงนี้แล้วรอรับอาหารเที่ยงนะ ครูต้องไปดูแลส่วนอื่นก่อน"
หลันอี้บอกกับหลินเพ่ยเพ่ยก่อนที่เธอจะไป แต่พอหลินเพ่ยเพ่ยอยู่คนเดียวเธอกลับโดนเพื่อนๆ แกล้งเบียดเธอจนเธอล้มลงไปกับพื้น ถึงเธอจะเจ็บมากแต่ก็ต้องทนไว้
"ยัยเพ่ยเพ่ยตัวซวย แกกล้ามากนะที่ออกมาเสนอหน้า"
"ใช่ พวกเราอย่าไปเข้าใกล้มันนะ เดี๋ยวจะตายเอาได้"
"นั่นสิ ใครที่จะเอามันไปเลี้ยงก็ตายหมดทุกคนเลยนี่ ตัวซวยชัดๆ "
หลินเพ่ยเพ่ยเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งร้องไห้ออกไป พวกเด็กเหล่านั้นก็พากันหัวเราะอย่างสะใจที่ได้เห็นหลินเพ่ยเพ่ยวิ่งร้องไห้ออกไป ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในสายตาของอิ้งหานเหนียนทั้งหมด ชายหนุ่มรู้สึกไม่ชอบใจจึงเดินไปสั่งคนรับใช้ว่าห้ามให้ข้าวเที่ยงแก่สามสาวด้านหลังเป็นเด็ดขาด แม้แค่ข้าวเม็ดเดียวก็ห้ามให้
หลินเพ่ยเพ่ยเข้าไปหลบอยู่ในห้องเก็บของ ซึ่งที่นี่เป็นสถานที่หลบภัยสำหรับเธอ งานเลี้ยงเริ่มจัดขึ้นเรื่อยๆ อิ้งหานเหนียนสั่งคนให้ออกไปตามหาหลินเพ่ยเพ่ยแต่ก็ไม่พบ สามสาวที่โดนคาดโทษไว้ก็ได้แต่แค้นใจ เป็นเพราะหลินเพ่ยเพ่ยพวกเธอจึงโดนทำโทษให้อดข้าวเที่ยงที่แสนอร่อยไป พวกเธอรู้ดีว่าหลินเพ่ยเพ่ยนั้นต้องหลบอยู่ในห้องเก็บของ แต่ก็ไม่มีใครบอกไปในเมื่อพวกเธอทั้งสามคนไม่ได้กินข้าวเที่ยงก็อย่างหวังว่าหลินเพ่ยเพ่ยจะได้กินด้วยเช่นกัน
"พวกเธอทำเกินไปแล้วนะ ครูบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่างพูดแบบนั้นกับเพ่ยเพ่ย"
"พวกหนูพูดตามความจริงมันผิดด้วยเหรอคะ"
"เสี่ยวอี้! ถ้ากลับกันคนที่ถูกว่าเป็นเธอล่ะ เธอจะรู้สึกอย่างไร"
"ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอกค่ะ อาทิตย์หน้าพ่อแม่บุญธรรมก็จะมารับหนูแล้ว ต่อไปก็จะไม่มีใครกล้ามาว่าร้ายหนูได้อีก"
เสี่ยวอี้พูดอย่างมั่นใจก็ครอบครัวที่จะมาอุปการะเธอนั้นเป็นตระกูลผู้ดีที่ร่ำรวยมากตระกูลหนึ่ง เธอเลยอดไม่ได้ที่จะพูดจาโอ้อวดออกมา เพียงแค่ได้ออกจากที่นี่ไปเธอก็จะกลายเป็นคุณหนูของตระกูลดังแล้ว
"เธอคงลืมไปสินะ ที่จริงเขาเลือกเพ่ยเพ่ยไม่ใช่เธอ ถ้าเพ่ยเพ่ยไม่ปฏิเสธละก็เธอจะมีโอกาสนี้เหรอ เธอสมควรที่จะขอบคุณเพ่ยเพ่ยด้วยซ้ำไป"
"หึ! โอกาสเหรอ บ้าสิ้นดี ยัยเพ่ยเพ่ยมันตัวซวย ใครๆ ก็รู้ว่าครอบครัวไหนคิดจะอุปการะยัยนั่นก็ล้วนแต่มีคนตายเกิดขึ้น เขาได้หนูไปแทนก็ถือไว้โชคดีที่ครอบครัวของเขาจะได้ไม่มีใครตาย"
"เสี่ยวอี้! การเกิดแก่เจ็บตายไม่ล้วนเกิดขึ้นเอง และเป็นสิ่งที่ใครก็ห้ามไม่ได้ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเพ่ยเพ่ยเลย"
"แย่แล้วครับ ไฟไหม้ห้องเก็บของ! "
ในระหว่างที่นั้นมีคนตะโกนว่าไฟไหม้ห้องเก็บของก็ดังขึ้น ทุกคนต่างพากันตกใจไม่คิดว่าไฟจะไหม้ได้ ไฟไหม้ได้อย่างไงกัน ทางฝั่งของหลินเพ่ยเพ่ยที่นอนหลับไปเพราะร้องไห้อย่างหนัก ตื่นขึ้นมาก็เจอว่าไฟไหม้ห้องเก็บของแล้ว เธอพยายามจะออกไปแต่ก็ไม่มีทางออกไปได้เลยตอนนี้ไปมันล้อมรอบเธอ ควันไฟก็เข้าทั้งตาและจมูกของเธอจนเธอเริ่มหายใจไม่ออกล้มลงไปกับพื้นอย่างสิ้นหวัง นี้เธอจะตายแล้วจริงๆ เหรอชีวิตเธอยังไม่เจอกับความสุขเลยนะ แม้แต่พ่อแม่เป็นใครเธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำไป
"เด็กๆ หลบไปที่ปลอดภัยก่อนเร็ว ใช่แล้วมีใครเจอเพ่ยเพ่ยแล้วหรือยัง อย่าบอกนะว่าเพ่ยเพ่ยอยู่ในห้องเก็บของน่ะ"
หลันอี้มัวแต่จัดการกับเสี่ยวอี้อยู่จนเกิดเหตุไฟไหม้ ก็ลืมนึกไปว่าหลินเพ่ยเพ่ยชอบไปหลบอยู่ในห้องเก็บของ ยิ่งตอนนี้ไฟไหม้เธอไม่อยากจะคิดเลยว่าหลินเพ่ยเพ่ยจะเป็นอย่างไรบ้าง
"ว่าไงนะครับ คุณแน่ใจนะครับว่าเธออยู่ในนั้นจริงๆ "
อิ้งหานเหนียนถามหลันอี้ออกไปด้วยใจร้อนรน ในใจก็คิดไปว่าถ้าเด็กน้อยคนนั้นอยู่ในนั้นจริงละก็....ทันใดนั้นเขาก็วิ่งไปที่ห้องเก็บของทันที ก่อนที่จะนำผ้าห่มที่ตากอยู่ใกล้ๆ มาชุบน้ำก่อนจะเอามาคลุม แล้วถีบประตูห้องเก็บห้องเข้าไป
"นายน้อยครับ! "
"มัวทำอะไรอยู่รีบไปหาอะไรมาดับเพลิงสิ ถ้าลูกฉันเป็นอะไรไปพวกแกตาย! "
อิ้งหานตี้รู้สึกตกใจเล็กน้อยที่ลูกชายอย่างอิ้งหานเหนียนเข้าไปช่วยเด็กคนหนึ่งอย่างไม่คิดชีวิตเช่นนี้ เดิมทีนิสัยของลูกชายคนนี้เป็นคนที่เย็นชาและไม่ยุ่งวุ่นวายกับคนอื่น
"ครับนายใหญ่ เอาเร็วรีบไปให้อะไรมาดับเพลิง"
อิ้งหานเหนียนลุยไฟไปก็พบกับหลินเพ่ยเพ่ยนอนกรีดร้องอยู่บนพื้น ใบหน้าของเธอโดนไฟลุกไปซีกหน้า เขาจึงวิ่งเข้าไปช่วยเธอใช้ผ้าผืนนั้นดับไฟให้เธอ จังหวะนั้นเขาเองก็โดนไฟคลอกเข้าที่หลังด้วยเช่นกัน ยังดีที่เขาถอดเสื้อนอกทันไฟจึงโดนไฟคลอกไปเพียงเล็กน้อย
"เด็กน้อยไม่เป็นไรแล้ว ฉันจะพาเธอออกไปเอง"
อี้หานเหนียนพูดกับหลินเพ่ยเพ่ย แต่ตอนนี้สายตาเธอพร่ามัวนักจึงไม่สามารถเห็นหน้าเขาได้ชัดเจน ในทันใดนั้นสติของเธอนั้นก็ดับวูบไปมารู้สึกตัวอีกทีก็สามวันให้หลังจากนั้น ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลใบหน้าถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล
"ตื่นแล้วเหรอเพ่ยเพ่ย หนูเจ็บตรงไหนบ้าง ครูจะได้ไปตามหมอมาให้ดูอาการ"
"หนูไม่เจ็บ...หนูรอดมาได้ไงคะ"
"นายน้อยอิ้งหานเหนียนช่วยหนูออกมาน่ะสิ ตอนนี้เขาก็ได้รับบาดเจ็บและก็รักษาตัวอยู่ที่นี่เหมือนกันนะ"
"จริงเหรอคะ! เพราะหนูอีกแล้วหนูมันตัวซวยที่นั่นเลยไฟไหม้ เขาเลยได้รับบาดเจ็บ..."
หลินเพ่ยเพ่ยพูดไปร้องไห้ไป เหตุการณ์นี้มันทำให้เธอคิดว่าเธอคือตัวซวยจริงๆ และนี้ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พ่อแม่ของเธอไม่ต้องการเธอจึงเอาเธอมาทิ้งไว้ที่สถานสงเคราะห์ก็ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นจะมีเหตุผลอะไรที่พ่อแม่จะทิ้งลูกของตัวเองได้ล่ะ
"ไม่เอาอย่าโทษตัวเองเลยเด็กน้อย ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นอุบัติเหตุไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอกนะ"
"ตอนนี้เขาเป็นอย่างไรบ้างคะ"
"เท่าที่ครูรู้มาก็ปลอดภัยดีจ้ะ แค่มีบาดแผลที่โดนไฟคลอกที่ด้านหลังเล็กน้อยก็เท่านั้นเอง"
"หนูสามารถเยี่ยมเขาได้มั้ยคะ"
"เห็นทีจะยากจ้ะ นายใหญ่อิ้งหานตี้โกรธพวกเรามาก แต่ดีที่นายน้อยห้ามไว้เลยไม่เอาเรื่องกับพวกเรา เราเลยได้แค่ทำตัวอยู่เฉยๆ อย่างเงียบๆ ถึงอยากจะไปเยี่ยมก็คงจะยาก เพราะมีคนเฝ้าอยู่เยอะแยะ คนที่จะเข้าไปได้ก็มีแค่หมอและพยาบาลบางคนเท่านั้นเอง"
"อย่างนั้นเหรอคะ แล้วหนูจะขอบคุณเขาอย่างไรดี"
"หนูไม่ต้องกังวลวันนี้ไม่ได้ขอบคุณ วันหน้ายังมีโอกาสตราบใดที่หนูยังมีชีวิตอยู่สักวันหนึ่งคงได้ตอบแทนบุญคุณครั้งนี้ของเขาอย่างแน่นอน"
"ค่ะ หนูจะไม่มีวันลืมบุญคุณครั้งนี้ของเขาอย่างแน่นอน วันข้างหน้าหนูจะตอบแทนบุญคุณของเขาไม่ว่าจะแลกด้วยชีวิตหนูทั้งชีวิตหนูก็ยอมค่ะ"
หลินเพ่ยเพ่ยให้สัญญาไว้กับตัวเองไม่ว่าอย่างไรก็ตามอิ้งหานเหนียนคนคนนี้คือผู้มีพระคุณของเธอที่ต้องตอบแทนพระคุณให้ได้ หลังจากนั้นเธอก็ได้พักรักษาตัวอยู่นานที่โรงพยาบาลกินเวลาไปหลายเดือน เนื่องจากแผลที่ใบหน้าของเธอนั้นได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง และทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนใบหน้าของเธอด้วย
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่ออัศวินอยากจะมีลูกน้อยเพื่อเป็นโซ่คล้องใจ แต่พลอยไพลินยังคงรักสนุก เธอยังคงยึดติดกับชีวิตการทำงานและวัยสาวของเธอ ทำให้เธอไม่พร้อมที่จะมีลูกในช่วงเวลานี้ อัศวินจึงต้องวางแผนทุกแผนการเพื่อที่จะมีลูกกับเธอ
ชาลีมาเฟียหนุ่มแห่งอิตาลีเจ้าของกาสิโน เขาเกลียดผู้หญิงไทยเพราะแม่ที่เคยทอดทิ้งเขาในวัยเด็ก เขามีน้องสาวต่างมารดาหนึ่งคนที่เป็นคนไทยชื่อว่าจันทร์เจ้า สามีของจันทร์เจ้าเคยเป็นคู่หมั้นของเอมอรหญิงไทยคนหนึ่งที่กำลังครรภ์ แม้เอมอรจะปฏิเสธว่านั้นไม่ใช่ลูกของภูชิตสามีของน้องสาวตน แต่ชาลีก็ไม่เชื่อคำพูดของเธอ เขาจึงจับตัวเอมอรมาและบังคับให้เธอจดทะเบียนสมรสกับเขา
จะเป็นอย่างไรเมื่อสาวน้อยวัย 18 ปี อย่างพลอยไพลิน ต้องแต่งงานกับหนุ่มใหญ่วัย 32 ปี อย่างอัศวิน เพราะสถานะทางครอบครัว และเขาดันเข้ามาสอนในมหาลัยที่เธอสอบติด ทำให้เธอและเขามีสถานะเพิ่มอีกหนึ่ง คือ “ลูกศิษย์กับอาจารย์”
ความสัมพันธ์ของเธอและเขาเริ่มจากเจ้านายกับลูกน้อง เพราะเขาต้องการใช้เธอเป็นสะพานเข้าไปหาเพื่อนรักของเธอ แต่เพราะความใกล้ชิดทำให้เรา....จนต้องเกิดการรับผิดชอบเกิดขึ้นในสองเดือนคือการทดลองคบกัน
จะเป็นอย่างไงเมื่อสาวน้อยอย่าง "รถเมล์" ต้องกลายเป็นคุณแม่วัยยังสาว และหนุ่มหล่ออย่าง "บิ๊กเอ็ม" ต้องกลายเป็นคุณพ่อซุปตาร์ เพราะเพียงความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนของทั้งคู่ทำให้เธอท้อง เธอกลับมาเจอเขาอีกครั้งในวันที่ถ่ายแบบด้วยกัน ซึ่งหลังจากเหตุการณ์คืนนั้นมันก็ผ่านมาแล้วเป็นเวลา 2 เดือน เธอที่เพิ่งเข้าวงการกับเขาที่อยู่ในวงการถ่ายแบบมานานแล้วและเขากำลังจะเป็นดาราดัง แล้วอย่างนี้ทั้งสองจะทำอย่างไรกับเด็กน้อยที่กำลังจะเกิด
สามีที่เธอมองว่าเขาดีต่อเธอมาตลอด กลับใช้มีดหมอกรีดลงกลางอกของเธอ เขาทำมันก็เพื่อนำหัวใจของเธอไปให้น้องสาวต่างมารดาของเธอ ก่อนที่จากโลกใบนี้ไปก็ปรากฏชายคนหนึ่งเข้ามาช่วยเธอจากการผ่าตัด ชายผู้ที่เธอเคยเกลียดชังเขาและหนีออกมาจากเขา แต่มันก็สายเกินไปแล้วที่เธอจะนึกเสียใจ ถ้าสามารถกลับไปยังช่วงเวลานั้นได้เธอจะดีต่อเขาและเชื่อฟังเขา
“สวิงของต้นกับอ้อ” ถูกเขียนขึ้นในวันที่ 10 เดือนมิถุนายน ปี พ.ศ. 2555 โดยลงในเว็บไซต์ Sudswing ที่ปัจจุบันปิดตัวถาวรไปนานแล้ว แต่เชื่อว่ายังอยู่ในความทรงจำของใครหลาย ๆ คน ซึ่งหากนับเวลาแล้วก็ครบรอบ 13 ปี พอดี ณ วันที่กำลังเริ่มต้นลงฉบับพิเศษของนิยายเรื่องนี้ โดยมีการปรับปรุงเนื้อหาในแต่ละตอนให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น รวมถึงการรวมตอนพิเศษและตอนที่หายไปเอามาไว้ในเรื่องนี้ สำหรับไรต์แล้ว “สวิงของต้นกับอ้อ” คือลูกคนโตและลูกรักที่นำพาให้ไรต์ก้าวมาเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวในนิยายสายอีโรติกแนวสวิงกิ้ง NTR, Cuckold, 3P, นิยายแนวเมียสาวเหงารัก รวมถึงแนวที่สามีอยากเห็นภรรยาของตัวเองไปมีอะไรกับชายอื่น ยังไงขอฝากนิยาย “สวิงของต้นกับอ้อ” ฉบับครบรอบ 13 ปีนี้ เอาไว้ให้นักอ่านได้ติดตามกันด้วย ขอบคุณสำหรับทุกการสนับสนุนที่ทำให้ไรต์ยังคงเดินต่อไปได้บนถนนสายตัวอักษรนี้ครับ
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
"พี่เจี๋ยข้าอยากได้อีกจุมพิตเพิ่มพลังของท่าน" ฉีเย่ว์กล่าวงึมงำบนริมฝีปากของเขา นางเป็นฝ่ายดูดกลีบปากของหยางเจี๋ยเบา ๆ ซุกไซร้ซอกซอนแหย่ลิ้นเข้าไปในปากของเขา สัมผัสอ่อนนุ่มในคราแรกเริ่มโหมกระหน่ำร้อนแรงมากขึ้น ฉีเย่ว์ปลดสายรัดเอวของเขาออกสอดมือล้วงเข้าไปในกางเกงของหยางเจี๋ยพบเนื้อร้อนของเขาแข็งแกร่งขึ้นเต็มลำ นางขยำแรง ๆ พร้อมกับรูดมือเบา ๆ "อ๊า คนดีของพี่" หยางเจี๋ยมือหนึ่งประคองศีรษะของนางให้แนบชิดกับปากของเขาอีกมือล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของนาง ฉีเย่ว์ไร้อาภรณ์กางกั้นด้านในนางใส่เพียงเสื้อคลุมนอนสีขาวเท่านั้น เขาลูบแผ่นหลังเปลือยเปล่าของนางไล้นิ้วลงไปจนถึงแก้มก้มแล้วขยำเบา หนัก สลับกัน "พี่เจี๋ยให้ข้ารักท่านเถิด" ฉีเย่ว์กัดปากข่มเสียงครางเอาไว้ นางดึงกางเกงของเขาออกโดยมีหยางเจี๋ยคอยช่วยเหลือ นางขึ้นคร่อมเขาอย่างกระหายไม่บัดนี้ตื่นอย่างเต็มตาในขณะที่ควงเอวควบขี่เขาเป็นจังหวะ หยางเจี๋ยขยับรับจังหวะที่องค์ราชินีของตนเองควบขี่ เขาเด้งสะโพกขึ้นรับนางมือดึงผ้ารัดเอวของนางออกแล้วทิ้งไว้ด้านข้าง แหวกสาบเสื้อของนางแล้วผวาศีรษะขึ้นมาอ้าปากดูดรับเนื้ออวบของนางที่กระเด้งเป็นจังหวะ ฉีเย่ว์ดันร่างของตนเองเข้าหาปากเขามือช่วยประคองศีรษะของหยางเจี๋ยให้แนบชิด หยางเจี๋ยดูดปทุมถันคู่งามอย่างกระหาย เสียงหอบหายใจของฉีเย่ว์สั่นสะท้านหัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอก เขาคือหัวหน้าหน่วยจู่โจมที่ตายในสงคราม และได้ย้อนเวลากลับมาหลายร้อยปีกระทั่งฟื้นขึ้นมาในร่างเด็กน้อยนาม หยางเจี๋ย เด็กผู้อาภัยจากตระกูลใหญ่ ที่บิดาและมารดาถูกใส่ความว่าทุจริตจนต้องจบชีวิตลง หยางเจี๋ยเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงดูให้เติบโตในจวนราชครู สหายของบิดา และที่นี่เขาได้พบกับเด็กน้อยผู้หนึ่งนาม ฉีเย่ว์ ธิดาของท่านราชครูฉีผู้สูงส่ง พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน ความใกล้ชิดทำให้เขาหวั่นไหว หยางเจี๋ยจะทำเช่นไรเมื่อได้พบว่า ตัวเอง ตกหลุมรักคุณหนูผู้สูงส่งจนหมดหัวใจไปเสียแล้ว เขารักนาง ต้องการทำให้นางตกเป็นของเขา และทำลายขวากหนามทุกอย่างที่ขัดขวางให้หมดสิ้นไป เพื่อนางเพียงคนเดียว
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY